ตักเตือนสถานเบา! รสนาและพวก เหตุละเมิดอำนาจศาล ระบุชัดไม่ใช่การวิจารณ์โดยสุจริต

ตักเตือนสถานเบา! รสนาและพวก เหตุละเมิดอำนาจศาล ระบุชัดไม่ใช่การวิจารณ์โดยสุจริต



อย่างที่ทราบกัน กรณีท่อก๊าซธรรมชาติของ ปตท. คนที่ตามข่าวจะรู้ว่ามีความพยายามในการทวงคืน จากคนบางกลุ่มทั้งจาก NGO และจากฝั่งองค์กรอิสระบางแห่ง โดยมีการแสดงความเห็นที่ไม่ได้เป็นไปในแนวทางเดียวกับคำพิพากษาหรือคำสั่งของศาลก่อนหน้านี้ ซึ่งเนื้อหาบางช่วงบางตอนก็มีการวิจารณ์ที่เข้าข่ายเป็นการละเมิดอำนาจศาล ซึ่งก่อนหน้านี้ก็มีข่าวที่ศาลปกครองสูงสุดมีหมายเรียก น.ส. รสนา โตสิตระกูล และนายศรีราชา วงศารยางกูร เพื่อไต่สวนกรณีการให้สัมภาษณ์ต่อสื่อมวลชนเกี่ยวกับคดีท่อก๊าซด้วย

ล่าสุด น.ส.รสนา โตสิตระกูล และนายศรีราชา วงศารยางกูร ก็ได้รับหนังสือคำสั่งกรณีละเมิดอำนาจศาลจากศาลปกครองสูงสุด โดยเนื้อหาได้ระบุถึงรายละเอียดของการกระทำของบุคคลดังกล่าวที่เข้าข่ายเป็นการละเมิดอำนาจศาลมีใจความสำคัญ ดังนี้

กรณีของ นายศรีราชา ที่ไปให้สัมภาษณ์ในรายการ face time มีการแสดงความเห็นช่วงหนึ่งในรายการกล่าวหาศาลในทำนองว่าศาลปกครองสูงสุดเร่งรีบสั่งคดีและรู้เห็นเป็นใจกับ ปตท. ศาลเห็นว่านายศรีราชา ซึ่งจบการศึกษาถึงปริญญาตรีและปริญญาโททางด้านนิติศาสตร์ กลับกล่าวถึงการทำงานของศาลว่าเร่งรีบโดยไม่ได้พูดถึงคำสั่งคำวินิจฉัยของศาลเลย จึงมิใช่เป็นการวิจารณ์การพิจารณาหรือการพิพากษาคดีของศาลปกครองโดยสุจริตด้วยวิธีการทางวิชาการ กรณีจึงเข้าข่ายเป็นความผิดฐานละเมิดอำนาจศาลตามมาตรา 65 แห่งพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครอง พ.ศ. 2542 
และกรณีของ น.ส.รสนา ที่แสดงความคิดเห็นผ่านทางเฟสบุ๊คของตัวเอง ทำนองว่า ถ้าการแปรรูปไม่ใช่เรื่องผิดกฎหมายจริงๆ ศาลก็ต้องสั่งยกคำร้องของผู้ฟ้องคดี  การที่ศาลไม่สั่งเพิกถอนการแปรรูปทั้งที่การแปรรูปผิดกฎหมายต่างหากที่เป็นการใช้หลักรัฐศาสตร์มากกว่าหลักนิติศาสตร์มาตัดสินคดีนั้น อาจทำให้ผู้อ่านความเห็นดังกล่าวเชื่อว่าศาลมิได้พิพากษาให้เป็นไปตามบทบัญญัติของกฎหมาย เป็นการกล่าวหาว่าในการพิจารณาพิพากษาคดีดังกล่าวศาลใช้หลักการอื่นที่สำคัญยิ่งกว่าหลักกฎหมายในการตัดสินคดี นอกจากนั้นการที่น.ส.รสนา ได้เขียนบทความลงหนังสือพิมพ์พาดพิงการวินิจฉัยสั่งคำร้องของศาลว่า ศาลปกครองสูงสุดได้รับข้อมูลอันเป็นเท็จ และให้การรับรองการแบ่งแยกทรัพย์สินว่าครบถ้วนแล้ว เป็นเรื่องที่ทำให้รัฐเสียหายและเสียประโยชน์ โดย น.ส.รสนาได้นำมติของคณะกรรมการตรวจเงินแผ่นดิน เมื่อวันที่ 10 พฤษภาคม 2559 มาอ้างอิง ซึ่งมติดังกล่าวมีขึ้นภายหลังจากที่ศาลปกครองสูงสุดมีคำสั่งคำร้องเมื่อวันที่ 26 ธันวาคม 2551 เป็นเวลานานมากแล้ว อีกทั้งมติของคณะกรรมการตรวจเงินแผ่นดินดังกล่าวก็มิได้ผูกพันศาลปกครองแต่อย่างใด ข้อความของ น.ส.รสนาในบทความดังกล่าวทำให้ผู้อ่านเข้าใจผิดว่าศาลวินิจฉัยสั่งคดีไปโดยไม่ถูกต้อง การแสดงความเห็นดังกล่าวมิได้มีลักษณะเป็นการวิจารณ์การพิจารณาหรือการพิพากษาคดีของศาลปกครองโดยสุจริตด้วยวิธีการทางวิชาการ แต่เป็นการแสดงความคิดเห็นวิพากษ์วิจารณ์การพิจารณาหรือการพิพากษาที่เข้าข่ายเป็นความผิดฐานละเมิดอำนาจศาลตามมาตรา 65 แห่งพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครอง พ.ศ. 2542 
อย่างไรก็ดีแม้การกระทำของบุคคลดังกล่าวเป็นความผิดฐานละเมิดอำนาจศาลแต่ศาลปกครองเห็นควรลงโทษแค่สถานเบา โดยมีคำสั่งตักเตือนเป็นลายลักษณ์อักษรเท่านั้น










ที่มา อ่านเอกสารเพิ่มเติมได้ที่ http://bit.ly/2nRRYL3