นายทหารบุกยึดบ่อน้ำมันจากนายทุนต่างชาติ เงิบ!! เพราะเหตุผลต่อไปนี้

เป็นข่าวใหญ่ข่าวโต เมื่อปี 2557 ปรากฎคลิปนายทหารบุกยึดบ่อน้ำมันจากนายทุนต่างชาติ จากนั้นก็แห่แชร์แพร่สะพัดไปทั่วเน็ต



ต่อมา มีคนแฉว่าคลิปนี้มันมั่วจากเนื้อหาหลายประการ

ข้อเท็จจริงกรณีรัฐเขต เพื่อโปรดเผยแพร่
บริษัท อีโค่ โอเรียนท์ รีซอสเซส (ประเทศไทย) จำกัด
สัมปทานปิโตรเลียม เลขที่ 3/2546/60 แปลงสำรวจบนบกหมายเลข L44/43
เลขที่ 5/2546/62 แปลงสำรวจบนบกหมายเลข L33/43
วันออกสัมปทาน 17 กรกฎาคม 2546 (มติ ครม. 26 พฤษภาคม 2546)
วันสิ้นสุดระยะเวลาสำรวจ 16 กรกฎาคม 2555
วันสิ้นสุดระยะเวลาผลิต 16 กรกฎาคม 2575
ผู้รับสัมปทานเริ่มแรก บริษัท แปซิฟิค ไทเก้อร์ รีซอสเซส (ประเทศไทย) จำกัด 100%
ผู้รับสัมปทานปัจจุบัน บริษัท อีโค่โอเรียนท์ รีซอสเซส (ประเทศไทย) จำกัด 100%
(เดิมชื่อบริษัท แปซิฟิค ไทเกอร์ รีซอสเซส (ประเทศไทย) จำกัด ต่อมาขายหุ้นให้กับ
บริษัท แพน โอเรียนท์ รีซอสเซส (ประเทศไทย) จำกัด)

ประวัติการผลิตน้ำมันดิบของบริษัทฯ ผลิตในอัตราสูงสุด 12,500 บาร์เรลต่อวัน ณ เดือนกุมภาพันธ์ 2551
และอัตราการผลิตลดลงอย่างรวดเร็ว เนื่องจากการผลิตน้ำมันดิบของหลุมในแหล่งส่วนใหญ่ได้มาจากชั้นหินกักเก็บปิโตรเลียมที่เป็นหินภูเขาไฟ ซึ่งธรรมชาติของแหล่งกักเก็บชนิดนี้จะผลิตน้ำมันดิบได้ในปริมาณสูงในช่วงแรกเท่านั้น เนื่องจากในหินภูเขาไฟมีคุณสมบัติที่สามารถกักเก็บน้ำมันดิบได้น้อย จึงผลิตหมดไปอย่างรวดเร็วและประสบปัญหาในการผลิตน้ำในอัตราสูงจนเป็นเหตุให้ต้องปิดหลุมผลิตบางส่วน

ปัจจุบันบริษัท อีโค่ โอเรียนท์ รีซอสเซส (ประเทศไทย) จำกัด แปลงสำรวจบนบกหมายเลข L44/43,L33/43
พื้นที่ผลิตนาสนุ่นตะวันออก, บ่อรังเหนือ, วิเชียรบุรีส่วนขยาย, L33
จำนวนฐานผลิตทั้งหมด 45 ฐาน
จำนวนหลุมผลิต 24 หลุม จากจำนวนหลุมทั้งหมด 110 หลุม
ปริมาณการผลิตน้ำมันดิบเฉลี่ย 4,790 บาร์เรลต่อวัน
ปริมาณน้ำเฉลี่ย 3,583 บาร์เรลต่อวัน
ปริมาณก๊าซธรรมชาติเฉลี่ย 1.113 ล้านลูกบาศก์ฟุตต่อวัน
(ข้อมูล ณ เดือนพฤษภาคม 2557)

การใช้ประโยชน์ในที่ดินของ ส.ป.ก.

วันที่ 16 ธันวาคม 2552 ได้รับอนุมัติพื้นที่ผลิตบ่อรังเหนือเป็นพื้นที่ 39.39 ตารางกิโลเมตร ซึ่งมีพื้นที่บางส่วนอยู่ในเขตที่ดินของ ส.ป.ก. ท้องที่จังหวัดเพชรบูรณ์ เนื้อที่ประมาณ 43 ไร่ 3 งาน 35 ตารางวา ครอบคลุมพื้นที่ผลิต 6 ฐาน ได้แก่
1. พื้นที่ฐาน Borang จำนวน 4 หลุม
2. พื้นที่ฐาน L44-W จำนวน 4 หลุม
3. พื้นที่ฐาน L44W-A15. จำนวน 2 หลุม
4. พื้นที่ฐาน L44W-A14. จำนวน 1 หลุม
5. พื้นที่ฐาน 2009-A. จำนวน 1 หลุม
6. พื้นที่ฐาน L44-V จำนวน 4 หลุม
ตั้งแต่ 2 พฤษภาคม 2555 บริษัทฯ หยุดทำการผลิตในพื้นที่ดังกล่าว หลังจากได้รับหนังสือแจ้งจาก ส.ป.ก.

ภายหลังการตรวจสอบทาง ส.ป.ก. ได้ส่งหนังสือที่ พช 0011/1017 ลงวันที่ 25 ธันวาคม 2555 แต่พื้นที่ L44-V ไม่อยู่ในเขตปฏิรูปที่ดิน บริษัทฯ จึงเริ่มทำการผลิตปิโตรเลียมเมื่อวันที่ 26 ธันวาคม 2555 ซึ้งในปัจจุบันพื้นที่ฐาน L44-V มีอัตราการผลิตน้ำมันดิบเฉลี่ยประมาณ 142 บาร์เรลต่อวัน (ข้อมูล ณ เดือนพฤษภาคม 2557) ซึ่งน้ำมันดิบที่ผลิตได้มีการตรวจสอบปริมาณการผลิต การซื้อ-ขายโดยพนักงานเจ้าหน้าที่ของกรมเชื้อเพลิงธรรมชาติ

ด้วยพนักงานสอบสวนกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ได้รับมอบหมายจากสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ให้มาทำการสืบสวนสอบสวนคดีที่ พันโท รัฐเขต แจ้งจำรัส กรรมาธิการพลังงานวุฒิสภาร้องทุกข์กล่าวโทษว่าบริษัทอีโค่ โอเรียน รีซอสเซส (ประเทศไทย) จำกัด ลักลอบขุดเจาะน้ำมันดิบ

โดยในวันที่ 10 มิถุนายน 2557 พนักงานสอบสวนกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม พนักงานเจ้าหน้าที่จากสำนักงานการปฏิรูปที่ดินเพื่อการเกษตร, กรมที่ดิน, กรมป่าไม้ จะเข้ามาตรวจสอบสถานที่เกิดเหตุ และบันทึกปากคำพร้อมเอกสารที่เกี่ยวข้องตามที่รับแจ้ง ว่ามีการดำเนินการฝ่าฝืนกฎหมายหรือไม่
ดังนั้นกรมเชื้อเพลิงธรรมชาติในฐานะหน่วยงานที่กำกับดูแลและตรวจสอบการทำงานในด้านการสำรวจ ผลิต ขนส่งและซื้อขายปิโตรเลียม ของผู้รับสัมปทานในประเทศไทย จึงส่งตัวแทนเข้าร่วมตรวจสอบการสืบสวนสอบสวนและชี้แจงข้อเท็จจริง
ในครั้งนี้

เหตุการณ์ของวันที่ 10 มิถุนายน 2557
พนักงานสอบสวน ผู้ร้อง(พันโทรัฐเขตและพวก) ผู้ให้ข้อมูล ได้ตรวจสอบ
1. พื้นที่ฐาน Borang จำนวน 4 หลุม
2. พื้นที่ฐาน L44-W จำนวน 4 หลุม
3. พื้นที่ฐาน L44W-A15. จำนวน 2 หลุม
4. พื้นที่ฐาน L44W-A14. จำนวน 1 หลุม
5. พื้นที่ฐาน 2009-A. จำนวน 1 หลุม
6. พื้นที่ฐาน L44-V จำนวน 4 หลุม
ร่วมกันโดยลำดับ1-5ได้หยุดผลิตและลำดับ6ได้มีการผลิตจริง อีกทั้งตัวแทนจากกรมป่าไม้ สปก และที่ดินร่วมกันรังวัดพิกัดทั้ง6พื้นที่ฐานเพื่อประกอบเป็นหลักฐานให้พนักงานสอบสวน
พร้อมกับเจ้าหน้าที่ สปก ได้ยืนยันว่าพื้นที่ฐาน1-5อยู่ในพื้นที่ สปก แต่พื้นที่ฐานที่6ไม่ได้อยู่ในพื้นที่ สปก
โดยกรมเชื้อเพลิงธรรมชาติได้ยืนยันว่าพื้นที่ทั้ง6ฐานอยู่ภายใต้พื้นที่สัมปทาน ในช่วงที่มีการผลิตก็มีการเสียค่าภาคหลวงให้รัฐตามปริมาณที่ถูกต้องแต่เมื่อหยุดผลิตก็ไม่มีค่าภาคหลวงเกิดขึ้น อีกทั้งพื้นที่ฐาน L44-V ที่มีการผลิตอยู่เนื่องจากไม่อยู่ในพื้นที่ สปก แต่อยู่ในพื้นที่สัมปทาน ดังนั้นจึงดำเนินการผลิตและมีการเก็บค่าภาคหลวงตามปกติหลังจากได้รับการแจ้งว่าไม่ได้แยู่ในพื้นที่ สปก จาก สปกจังหวัดเพชรบูรณ์เมื่อวันที่25 ธันวาคม 2556

ซึ่งข้อมูลทั้งหมดอยู่ในกระบวนการสอบสวนของพนักงานเจ้าหน้าที่ผู้รับผิดชอบการร้องทุกข์คราวนี้ จึงไม่สามารถสรุปว่าสิ่งใดผิดหรือถูกได้ในปัจจุบัน

นอกเหนือจากนั้นพันโทรัฐเขตยังได้พาคณะเข้าตรวจสอบพื้นที่ฐานเพิ่มอีก1จุด โดยอ้างว่ามีการแอบผลิตและอยู่ในพื้นที่ สปกแต่เมื่อมีการวัดพิหัดร่วมกัน เจ้าหน้าที่ที่ดินได้ยืนยันว่าเป็นที่มีโฉนดและถือครองโดยบริษัทฯพร้อมกับบริษัทฯก็มีโฉนดยืนยันถูกต้อง

ประเด็นที่ถูกบิดเบือนภายหลังจากการตรวจสอบสถานที่เกิดเหตุและบันทึกปากคำพร้อมรับเอกสารที่เกี่ยวข้องเพื่อดำเนินการโดยพนักงานสอบสวนในวันที่10 มิถุนายน 2557

ภายหลังจากการได้หารือและชี้แจงข้อมูลเกี่ยวกับแหล่งวิเชียรบุรีของบริษัท อีโค่ โอเรียนท์ รีซอสเซส (ประเทศไทย) จำกัด โดยนายปรศักดิ์ งามสมภาค พนักงานเจ้าหน้าที่ตาม พรบ. ปิโตรเลียม/ตัวแทนกรมเชื้อเพลิงธรรมชาติต่อพันโทรัฐเขต แจ้งจำรัส ผลการชี้แจงคือพันโทรัฐเขตเข้าใจในทุกประเด็นและไม่มีข้อสงสัย

ต่อมาสื่อต่างๆได้นำเสนอการให้สัมภาษณ์ของพันโทรัญเขตและพวกที่มีการบิดเบือนข้อมูล ยุยง ปลุกปั่นให้ประชาชนเกิดการเข้าใจผิดดังนี้
1. มีการแจ้งข่าว ป่าวประกาศทางสังคมออนไลน์ว่าหลุมผลิตของแหล่งวิเชียรบุรีมีทั้งหมด 95หลุม ซึ่งในความเป็นจริงมีหลุมผลิตเพียง 24 หลุม
2. มีการกล่าวอ้างว่าเป็นคำสั่งของพลเอกประยุทธ จันทร์โอชา ในการมาตรวจสอบครั้งนี้ แต่ไม่สามารถแสดงหนังสือคำสั่งหรือรายละเอียดคำสั่งที่ชัดเจนได้
3. มีการกล่าวอ้างในประเด็นเด็ด7สีว่ามีการลักลอบขุดเจาะน้ำมันในพื้นที่สปกและหลีกเลี่ยงไม่ชำระค่าภาคหลวงมา5ปี รัฐเสียหายกว่าหมื่นล้านบาท โดยคุณอรรถพล ดวงจินดา ได้กล่าวว่ามีคำสั่งให้หยุดแต่ยังมีการลักลอบขุดผลิตได้ไม่ต่ำกว่า1200บาร์เรลต่อบ่อ
โดยในความเป็นจริงคือไม่มีการผลิตในพื้นที่ที่มีคำสั่งให้หยุดผลิตโดยสปก จนกระทั่งปัจจุบันยกเว้นพื้นที่ฐาน L44-V ที่ สปก แจ้งว่าไม่ได้อยู่ในพื้นที่สปกและมีอัตราการผลตเพียงวันละประมาณ 142บาร์เรลต่อวัน
4. พันโทรัฐเขตได้ให้สัมภาษณ์ผ่านสื่อว่าความผิดสำเร็จเรียบร้อย โดยในความเป็นจริงยังอยู่ในกระบวนการสอบสวน ยังไม่สามารถสรุปข้อเท็จจริงได้
5. คุณวิวัฒน์ชัย กุลมาตย์ ที่ปรึกษาเครือข่ายต่อต้านการทุจริตคอรัปชั่นแห่งชาติได้กล่าวโทษ สปกและกรมเชื้อเพลิงธรรมชาติที่ยอมให้มีการลักลอบผลิตน้ำมันดิบและไม่เสียค่าภาคหลวงทำให้รัฐเสียประโยชน์ แต่ในความเป็นจริงสปกและกรมเชื้อเพลิงธรรมชาติไม่ได้มีการให้บริษัทฯผลิตน้ำมันดิบในพื้นที่สปกแต่อย่างใดและการผลิตและการจัดเก็บค่าภาคหลวงถูกดำเนินการอย่างถูกต้องและครบถ้วน

อ้างถึง: คลิปข่าวประเด็นเด็ด7สี
http://m.bugaboo.tv/watch/126657
คลิปการสนทนาระหว่างเจ้าหน้าที่กรมเชื้อเพลิงธรรมชาติและพันโทรัฐเขตและพวก1,2
http://www.youtube.com/watch?v=Ed0DcRVSKvA&feature=youtu.be
http://www.youtube.com/watch?v=cVB8us0m8EM&feature=youtu.be

ที่มา ข้อเท็จจริงนายทหาร เพื่อโปรดเผยแพร่


หรือแม้แต่กระทั่ง เพจเรียกไลค์ เรียกแชร์ ก็บ้าจี้เอามาลง


จนมีเพจมาแฉ
คำว่าน้ำมัน และ แก๊ส จะหมดภายในอีก 6-7 ปี หมายถึง หลัก R/P คือคำนวณ ณ สิ้นปี พ.ศ. 2556 จากปริมาณสำรองก๊าซธรรมชาติที่พิสูจน์แล้ว 8.41 ล้านล้านลูกบาศก์ฟุต หารด้วยปริมาณการผลิตทั้งปีจากอัตราการผลิตเฉลี่ยประมาณ 4,000 ล้านลูกบาศก์ฟุตต่อวัน ก็จะเหลือประมาณ 6 ปี (หรือ 6.8 ปีจากรายงานของ BP) ตัวเลข 6-7 ปีนี้ เป็นตัวเลขรวมปริมาณสำรองและการผลิตก๊าซธรรมชาติจากทุกแหล่งในประเทศหากแยกย่อยในแต่ละแหล่งก็ขึ้นอยู่กับปริมาณสำรองหรืออัตราการผลิตของแต่ละแหล่ง บางแหล่งที่อัตราการผลิตสูงอาจจะเหลือ 3-4 ปี ต้องเร่งสำรวจหาเพิ่มในกระเปาะอื่นๆ บางแหล่งอาจจะยาวถึง 30 ปี เนื่องจากอัตราการผลิตต่ำตัวอย่างกรณีสำรองน้ำมันดิบ (R/P) ของทั้งโลกมีอยู่ 53 ปีขณะที่เวเนซุเอลามีสำรองน้ำมันดิบถึง 310 ปี ขึ้นอยู่กับปริมาณสำรองและอัตราการผลิตของประเทศนั้นๆ ดังนั้น หากหยุดการสำรวจหาแหล่งใหม่ๆ มาเติมจนปริมาณสำรองใกล้จะหมด ก็จะไม่สามารถรักษากำลังการผลิตในประเทศที่ระดับเดิมได้ อัตราการผลิตก็จะลดลงไปเรื่อยๆ
** เหมือนเรามีเงิน อยู่ 100 บาท ซึ่งคิดว่าจะใช้ได้อีก 7 วัน แต่เราใช้ไปเรื่อยๆ เงินที่เรามีอยู่มันก็ลดไปเรื่อยๆ ถ้าเราไม่หาเพิ่มมันก็จะหมด ** #บ่นว่าจนแต่ไม่ขยันจะมีไม๊
-------------------------------------------
ส่วนต่อมาที่บอกว่า ราคาน้ำมันที่ตกต่ำเหลือลิตรละ 8 บาท เราก็สามารถนำเข้ามาขายเองได้สัญญาระยะยาว ในความเป็นจริงทำไม่ได้ เพราะซาอุฯไม่ยอมทำด้วยแน่นอน เพราะคนที่เสียประโยชน์สุดคือคนที่เราทำสัญญากับเค้า หรือไม่ก็เค้าทำอย่างมากคือ 1 ปี และเป็นแค่การตกลงในปริมาณ ไม่ได้เกี่ยวกับราคา และราคาจะใช้ตามประกาศ ซึ่งจะประกาศเป็นรายเดือน ซึ่งไม่แคร์ใครอยู่แล้ว
** แต่ราคา 8 บาท/ลิตร นี่ลองเอาไปคำนวนเล่นๆ แล้ว จะเป็นไปได้ถ้าราคาตลาดโลกอยู่ที่ 40 เหรียญ/บาร์เรล และเป็นราคาที่ปากหลุม ไม่รวมค่าขนส่ง ซึ่งถ้าบอกว่าใครไม่ยอมตามคอนดิชั่นนี่ก็ไม่ต้องเอา เพราะเค้าไม่ขายเรา ก็มีคนซื้ออีกเยอะแยะ ** #อย่ามโน #ทำได้ก็ไปทำมา
-------------------------------------------
ส่วนต่อมา ยอมรับแล้วนะครับ ว่าเราอ้างอิงตลาดหน้าสิงคโปร์ เข้าใจถูกแค่นิดเดียวครับ (ราคาหน้าโรงกลั่นประมาณ 11-12 บาท หน่ะเมื่อประมาณมกราคม 58 ซึ่งไม่ต่างกับราคาบ้านมากนัก อย่าลืมเรื่องมาตรฐานน้ำมันยูโร4 ด้วย)ที่เหลือ โง่เง่าบัดซบมากๆ ก็อย่างที่คุณบอกหน่ะครับ ตามมาตรา 7 ข้างต้น ที่ผู้ค้าน้ำมันต้องทำตาม ซึ่งราคานี้้ก็ออกมาจากประกาศของ Eppo และถ้ากดไปดูโครงสร้างราคาน้ำมันจะเห็นได้ว่า ณ โรงกลั่นหน่ะ ราคาตามที่คุณพูดเลยครับ ที่เหลืออยู่ในส่วนของ ภาษีประมาณ 12 บาท, กองทุนต่างๆ ประมาณ 9 บาท, ค่าการตลาดประมาณ 2 บาท และมีปัจจัยอื่นเช่น ราคาเอทานอล ราคาไบโอดีเซล ฉะนั้น จะเห็นได้ว่าเป็นอะไรที่มั่วฉิบหายเลยสำหรับคนพูด ว่าเพราะมีบริษัทขายราคาเกินควร และที่บอกว่าให้ปิดโรงกลั่นไปเลยทุกโรง คิดตามเรื่องเศรษฐกิจป่ะ เราต้องสั่งซื้อน้ำมันสำเร็จรูปจากเมืองนอก ให้มันแพงเข้าไปอีก รวมไปถึงผลิตภัณฑ์ทุกสิ่งอย่างที่ออกจากโรงกลั่นก็ไม่มีด้วย ก๊าซหุงต้มเอย อะไรเอย ยังไม่รวมเรื่องความเชื่อมั่นของประเทศ ความมั่นคงทางพลังงานก็สั่นคลอนด้วย
** อย่างที่บอกคุณบอกเองแหละครับ บริษัทผู้ค้าต้องทำตามกฎหมายมาตรา 7 ไม่งั้นถือว่ามีความผิด และ ที่สำคัญคือ ถ้าคุณทำได้ที่จะขายน้ำมันให้ราคาถูกกว่านี้ ผมรออยู่นะ อย่าปากดี เที่ยวประท้วงไปเดิน ให้ข้อมูลผิดๆ ตามที่ต่างๆ **
--------------------------------------------
ต่อมาที่บอกว่า กระทรวงพลังงานและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้ข้อมูลเท็จกับนายกคนปัจจุบัน กระทรวงกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้ข้อมูลไม่ผิดครับ แต่ถ้าจะตีความโง่ๆ ว่า มีบ่อ 6,000 กว่าบ่อ แล้วมีการขุดเจอ แค่ ประมาณ 3,000 หลุม มีสัดส่วนที่เจอปริมาณน้ำมันถึง 50% ถึงเป็นอะไรที่โง่เง่าบัดซบ หลอกชาวบ้าน ชาวประชา Social Media อย่างแท้จริง คุณไม่พูดเรื่องปริมาณน้ำมันเอย ก๊าซเอย ปิโตรเลียมเอย ที่ขุดเจอหล่ะครับ ว่ามันมีมากขนาดไหน
** หรือถ้าเปรียบเทียบ คนที่พูดในคลิปโง่ๆ นี่กำลังจะบอกว่า ถ้าไปบริเวณทะเล หรือ แม่น้ำ แห่งหนึ่ง แล้วเจอปลา 100 ตัว และตัวใหญ่ทุกตัว ไปทุกที่ จะต้องเจอปลาที่ตัวใหญ่ ทุกตัว และ เจอปริมาณ 100 ตัว ทุกที่ใช่หรือไม่ คิดเอา ** #แม่น้ำทุกที่อาจไม่มีปลาเหมือนกันก็ได้
** หรือถ้าคุณเก็บเงินหยอดกระปุก วันละเหรียญด้วย เหรียญบาท กับ เหรียญสิบ ในกระปุกขนาดเท่ากันทุกวัน สิ้นเดือนทุบกระปุกออกมา คุณจะบอกว่าคนที่หยอดเงินด้วยเหรียญบาทจะมีเงินกว่าใช่หรือไม่**
---------------------------------------------
เรื่องสุดท้าย ขอให้แยกกันให้ออกระหว่าง ที่ดิน สปก กับ ปิโตรเลียมที่อยู่ข้างใต้ ว่ากันไปด้วยเรื่องของกฎหมาย และระเบียบที่เกี่ยวข้อง แต่ข่าวนี้เกี่ยวข้องแน่ ยังไงก็ขอให้โดนจับเข้าตารางเร็วๆ นะครับ เที่ยวให้ข้อมูลเท็จไปทั่วหน่ะ
** "กองบังคับการปราบปรามการกระทำผิดเกี่ยวกับทรัพยากรและสิ่งแวดล้อม (บก.ปทส.) เข้าสอบสวนพยานเพิ่มเติม กรณี พันโทรัฐเขต แจ้งจำรัส กล่าวโทษร้องทุกข์บริษัท อีโค่ โอเรียนท์ รีซอสเซส (ประเทศไทย) จำกัด ลักลอบดำเนินกิจการปิโตรเลียมโดยผิดกฎหมาย หลีกเลี่ยงค่าภาคหลวงหรือผลประโยชน์ตอบแทนพิเศษให้กับภาครัฐก่อให้เกิดความเสียหายและความผิดอื่นที่เกี่ยวข้อง" http://on.fb.me/17JSql3
** พิธีลงนามบันทึกข้อตกลงร่วมกัน ระหว่างสำนักงานการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม(ส.ป.ก) กับ กรมเชื้อเพลิงธรรมชาติ เรื่องการยินยอมให้ใช้ที่ดินเพื่อการนำทรัพยากรธรรมชาติไปใช้ประโยชน์ในเขตปฏิรูปที่ดิน นำไปสู่แนวทางการปฏิบัติงานร่วมกันระหว่างหน่วยงานราชการ เพื่อการพัฒนาประเทศ และประโยชน์ส่วนรวม http://on.fb.me/1wIPqeT

ที่มา ถ้าเจอเรื่องทหารบุกยึดบ่อน้ำมัน ว่ามันมั่วขนาดไหน

สุดท้าย เงิบ เพราะ



อีโค่ฯ โต้ข้อกล่าวหาลอบขุดน้ำมัน ยื่น คสช.สอบได้ พร้อมจ่อฟ้อง พ.ท.รัฐเขต

บริษัท อีโค่ โอเรียนท์ รีซอสเซส โชว์หลักฐานโต้ลักลอบขุดเจาะ ผลิตน้ำมัน ยันทำถูกต้องตามกฎหมาย 5 ปีที่ผ่านมาจ่ายผลตอบแทนให้รัฐเพียบ ทำหนังสือให้ “คสช.” ตั้งคณะทำงานเข้าตรวจสอบเพื่อแสดงความโปร่งใส พร้อมเตรียมฟ้องร้องคดีอาญาเรียกค่าเสียหายทางแพ่ง “พ.ท.รัฐเขต แจ้งจำรัส” ผู้กล่าวเท็จแต่ยังไม่คิดฟ้องสื่อ
     
นางสาวมนสิชา การุณยฐิติ ผู้จัดการฝ่ายบริหารและรัฐกิจสัมพันธ์ บริษัท อีโค่ โอเรียนท์ รีซอสเซส (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า จากกรณีที่ พ.ท.รัฐเขต แจ้งจำรัส ที่ปรึกษาอนุกรรมาธิการการพลังงาน วุฒิสภา ได้กล่าวหาบริษัทลักลอบดำเนินกิจการขุดเจาะ สำรวจ ผลิตน้ำมันดิบโดยผิดกฎหมายระหว่างปี 2551-2555 ต่อเนื่องจนถึงปัจจุบัน ถือเป็นข้อมูลที่เป็นเท็จโดยสิ้นเชิง ทำให้เกิดความเข้าใจผิดต่อสาธารณชนและเสียหายต่อภาพลักษณ์บริษัทฯ ดังนั้นบริษัทฯ จึงได้ยื่นหนังสือขอความเป็นธรรมไปที่คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เพื่อให้เข้ามาตรวจสอบเรื่องนี้โดยเร็ว อีกทั้งเตรียมจะส่งเรื่องให้สำนักงานทนายความดำเนินการฟ้องร้องคดีอาญาข้อหาหมิ่นประมาทด้วยการโฆษณาและฟ้องร้องเรียกค่าเสียหายทางแพ่งแก่ พ.ท.รัฐเขต แจ้งจำรัส ภายในสัปดาห์หน้า
     
“บริษัทฯ มีความจริงใจ จึงขอให้ คสช.ตั้งคณะทำงานเข้ามาตรวจสอบได้เลยเพราะคิดว่าน่าจะโปร่งใสที่สุด และจะยื่นฟ้องผู้ที่ดำเนินการกล่าวเท็จเป็นหลัก ส่วนกรณีโทรทัศน์ช่อง7 รวมถึง TNN เป็นเพราะได้รับข้อมูลเพียงด้านเดียวเราเองก็จะได้ชี้แจง ซึ่งเราเองยังไม่คิดที่จะฟ้องสื่อดังกล่าว” น.ส.มนสิชากล่าว
     
ทั้งนี้ บริษัทฯ ขอชี้แจงข้อกล่าวหาทั้งหมด 3 ส่วน ได้แก่ 1. บริษัทฯ ลักลอบการขุดเจาะ สำรวจ และผลิตน้ำมันดิบ ซึ่งขอปฏิเสธข้อกล่าวหายืนยันว่าได้ทำตามขั้นตอนกฎหมายทั้งกรมเชื้อเพลิงธรรมชาติ กระทรวงพลังงาน ตามที่ได้รับสัมปทานปิโตรเลียมเลขที่ 3/2546/60 แปลงสำรวจบนบกหมายเลข L44/43 และสัมปทานเลขที่ 5/2546/62 แปลงสำรวจปิโตรเลียมบนบกหมายเลข L33/43 จากกรมเชื้อเพลิงธรรมชาติ กระทรวงพลังงาน ตั้งแต่ปี 2546 โดยมีพื้นที่สำรวจและผลิตปิโตรเลียมครอบคลุมพื้นที่ในเขตอำเภอวิเชียรบุรี และอำเภอศรีเทพ จังหวัดเพชรบูรณ์ และได้รับการอนุญาตกำหนดให้เป็นพื้นที่ผลิต จากกรมเชื้อเพลิงธรรมชาติ กระทรวงพลังงาน ในปี 2552
     
“น้ำมันดิบที่ผลิตขึ้นมาได้ บริษัทฯ จะต้องทำการตกลงซื้อขายกับคู่ค้า ซึ่งในที่นี้คือบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) และ ปตท.ได้กำหนดให้นำไปส่งที่โรงกลั่นน้ำมันบางจากซึ่งบริษัทฯ ไม่สามารถจะไปขายกับโรงกลั่นอื่นได้เลยเพราะโรงกลั่นทุกโรงจะถูกควบคุมปริมาณการกลั่น โดยกรมธุรกิจพลังงาน กระทรวงพลังงาน และกรมสรรพสามิต กระทรวงการคลัง” น.ส.มนสิชากล่าว
     
ส่วนของการผลิตน้ำมันดิบในพื้นที่ ส.ป.ก.นั้น นางสาวมนสิชากล่าวว่า ในอดีตเคยมีการผลิตจริง แต่เป็นการผลิตโดยเปิดเผย ไม่ได้ลักลอบผลิต เนื่องจากบริษัทฯ ได้รับสัมปทานผลิตปิโตรเลียม และขออนุญาตทั้งการขุดเจาะสำรวจ และขออนุญาตผลิตปิโตรเลียม จากกรมเชื้อเพลิงธรรมชาติ กระทรวงพลังงาน พร้อมทั้งได้ทำหนังสือขอความยินยอมให้เข้าใช้ที่ดินเพื่อการนำทรัพยากรธรรมชาติมาใช้ประโยชน์ จากสำนักงานปฏิรูปที่ดิน จังหวัดเพชรบูรณ์ แล้ว เมื่อวันที่ 7 มกราคม 2553 และหนังสือคำขอในวันที่ 11 กุมภาพันธ์ 2553
     
อย่างไรก็ตาม ในปี 2555 ทางสำนักงานปฏิรูปที่ดินจังหวัดเพชรบูรณ์ได้มีคำสั่งให้บริษัทฯ หยุดผลิตปิโตรเลียมบนที่ดินดังกล่าว ตั้งแต่วันที่ 1 พฤษภาคม 2555 ด้วยเหตุที่การให้ความยินยอมที่ผ่านมานั้นให้เฉพาะแก่การสำรวจปิโตรเลียมเท่านั้น ซึ่งบริษัทฯ ก็ได้หยุดการผลิตน้ำมันตั้งแต่วันที่ 2 พฤษภาคม 2555 เป็นต้นมา ถึงแม้ว่าบริษัทฯ จะเข้าใจดีว่า ส.ป.ก.ไม่ใช่หน่วยงานที่มีอำนาจ อนุญาตให้ผลิตน้ำมัน หรือสั่งให้หยุดการผลิตน้ำมันได้ แต่เป็นอำนาจของกรมเชื้อเพลิงธรรมชาติ ทั้งนี้ บริษัทฯ ได้ยื่นขอทุเลาคำสั่ง และยื่นคำขอรับความยินยอมในการใช้พื้นที่ในเขตปฏิรูปที่ดินเพื่อการนำทรัพยากรปิโตรเลียมในที่ดินเข้าสู่กระบวนการผลิตปิโตรเลียมสำหรับ 5 พื้นที่ฐานเสร็จสมบูรณ์ โดยขั้นตอนอยู่ระหว่างกระบวนการพิจารณา สำหรับอีก 1 พื้นที่ฐานบนแปลง L44-V นั้น บริษัทฯ ยังคงดำเนินการผลิตปิโตรเลียมต่อไป เนื่องจากไม่ได้อยู่เขต ส.ป.ก.
     
สำหรับข้อกล่าวหาที่ว่าบริษัทฯ หลีกเลี่ยงไม่จ่ายค่าภาคหลวงมานาน 5 ปี จนทำให้รัฐสูญเสียรายได้มหาศาลนั้น บริษัทฯ ขอยืนยันว่าไม่เป็นความจริงแต่อย่างใด เนื่องจากตั้งแต่ปี 2550 ถึงปัจจุบันบริษัทฯ ได้เสียค่าภาคหลวงให้กรมเชื้อเพลิงธรรมชาติไปแล้วกว่า 1,400 ล้านบาท โดยชำระในอัตราแบบขั้นบันไดตามระดับการผลิตในอัตราร้อยละ 5-15 ของมูลค่าปิโตรเลียมที่ขาย ขณะเดียวกันบริษัทฯ ยังได้จ่ายเงินผลประโยชน์ตอบแทนพิเศษให้แก่รัฐอีกกว่า 2,500 ล้านบาท ซึ่งคำนวณจากอัตราจัดเก็บ 0-75% ของกำไรปิโตรเลียมรายปี ซึ่งบริษัทฯ เคยจ่ายในอัตราที่สูงถึง 42% นอกจากนั้น บริษัทฯ ยังต้องนำเสียภาษีปิโตรเลียม ในอัตราร้อยละ 50 จากกำไรสุทธิ ให้แก่กรมสรรพากร โดยบริษัทฯ ได้จ่ายไปแล้วกว่า 3,400 ล้านบาทเช่นกัน ซึ่งหากรวมผลตอบแทนทั้งหมดที่บริษัทฯ ได้จ่ายให้แก่รัฐ มีจำนวนสูงถึง 7,300 ล้านบาท โดยบริษัทฯ ไม่มีการปิดบังข้อมูลใดๆ ในการผลิตปิโตรเลียมและขายปิโตรเลียม และสามารถร้องขอข้อมูลการชำระค่าภาคหลวง และคำอธิบายทั้งหมดจากกรมเชื้อเพลิงธรรมชาติ กระทรวงพลังงาน ได้ตามขั้นตอน ดังนั้นข้อกล่าวหาที่ว่าบริษัทฯ ไม่จ่ายภาษี และค่าภาคหลวงมากว่า 5 ปี นั้นเป็นความเท็จโดยสิ้นเชิง

ที่มา อีโค่ฯ โต้ข้อกล่าวหาลอบขุดน้ำมัน ยื่น คสช.สอบได้ พร้อมจ่อฟ้อง พ.ท.รัฐเขต