หากวิเคราะห์ข้อมูลให้ดีว่าเกี่ยวกับเรื่องนี้กับการเอามาโยงราคาน้ำมันนั้นคนละเรื่องกันทีเดียว เพราะ สาระสำคัญในการประมูลแหล่งบงกช – เอราวัณ สาระสำคัญอยู่ที่การผลิตก๊าซธรรมชาติ เพื่อเอามาผลิตไฟฟ้า
ที่มา สนพ.
ส่วนต่อมาเรื่องการที่บอกว่า ใช้ระบบจ้างผลิตได้ผลประโยชน์ตอบแทนรัฐมากกว่าระบบแบ่งปันผลิตได้ผลประโยชน์มากกว่านั้น กลุ่มคนที่เข้าใจผิด มีการอ้างไปถึงว่า จ้างผลิตได้มากกว่า คงลืมไปว่า หากรวมตัวเลขทุกตัวเข้าด้วยกันของไทยได้มากกว่าด้วยซ้ำ
ส่วนถัดมา มีความเข้าใจผิดว่า มาเลเซียมีหลุม มีบ่อน้ำมันและก๊าซน้อยกว่าเรา เรื่องหลุมน้อยกว่า มากกว่า ไม่ได้เป็นหลักฐานว่า เราร่ำรวยกว่ามาเลเซียหรือประเทศอื่นๆ แต่หากต้องพิจารณา ปริมาณที่พบด้วย
ด้วยเหตุที่สินค้าโภคภัณฑ์มีมาตรฐานเดียวกันทั่วโลก ทำให้ราคาของสินค้าโภคภัณฑ์ถูกกำหนดโดยอุปสงค์และอุปทานของตลาดโลก ส่งผลให้ราคาสินค้าโภคภัณฑ์มีการเปลี่ยนแปลงไปในทิศทางเดียวกันทั่วโลก เราจะสังเกตได้อย่างชัดเจนว่า ราคาทองคำที่ซื้อขายกันที่เยาวราชจะขึ้นลงโดยอิงกับราคาตลาดโลก
หากพิจารณาตามภาพสัดส่วนราคาเนื้อน้ำมัน หรือแม้แต่ค่าการตลาดมีแปรผันตลอด มีขึ้นและลง แต่หากในส่วนของ ภาษีกับกองทุนต่างๆ นั้น มีสัดส่วนที่เก็บเพิ่ม และไม่ค่อยลดลงอีกต่างหาก
ถ้าหากตรรกะว่าแปรรูป ปตท ทำให้น้ำมันแพง แบบนี้เท่ากับสินค้าทุกชนิดในโลกนี้ ได้รับการแปรรูปเหมือนกันหมดทุกอย่าง ตามภาพด้านล่าง
https://portal.settrade.com/blog/sombat/2010/10/22/935
https://www.businessinsider.com.au/chart-of-the-day-oil-since-1861-2011-6
แต่หากยังสงสัยอีกว่าทำไมน้ำมันมาเลเซียถูกกว่าไทย นั่นก็คือ มาเลเซียไม่มีการเก็บภาษี