Showing posts with label พม่า. Show all posts
Showing posts with label พม่า. Show all posts

มั่วดราม่าไม่เลิก พม่าน้ำมันถูกกว่าไทย เพราะ..

เมื่อดราม่าไม่เลิก ก็จะออกมั่วๆ หน่อย สร้างความเกลียดชัง แถมยังดูถูกประเทศไทยและพม่า



พม่าน้ำมันถูกกว่าไทยเพราะ โครงสร้างราคาน้ำมันล้วนๆ ส่วนเหตุผลทีละข้อที่ส่งต่อกันๆก็ไม่ได้มองเหตุการณ์หรือข้อมูลอะไรเลย

........1.พม่าไม่มีกระทรวงพลังงาบแบบไทย.....

ตอบ : มั่วละครับ นี่คือเวปไซต์อย่างเป็นทางการของกระทรวงพลังงานประเทศพม่า http://www.energy.gov.mm/

........2.พม่าไม่มีสถาบันปิโตรเลี่ยมแบบไทย

ตอบ : พม่าหรือประเทศไหนอยู่ที่นโยบายการพัฒนาเศรษฐกิจ สถาบันปิโตรเลียมของไทยจัดตั้งเพื่อพัฒนาองค์ความรู้ต่างๆ ในด้านปิโตรเลียม นำมาต่อยอดสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับเศรษฐกิจของไทย ในกรณีของพม่า คาดว่าน่าจะเป็น Myanma Petrochemical Enterprise(MPE)

........3.พม่าไม่มีบริษัทค้าน้ำมันปิโตรเลี่ยมเป็นของรัฐแบบ ปตทวย. ....

ตอบ : พม่าขายน้ำมันโดยรัฐ โดยหน่วยงาน Myanma Petroleum Products Enterprise (MPPE) ส่วนอัตราการเก็บภาษี กองทุน อยู่ที่ นโยบายของแต่ละประเทศ

........4..พม่าไม่มี กบง.คณะกรรมการกำกับกิจการพลังงานแบบไทย....
........5..พม่าไม่มี..กพช...คณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติแบบไทย....

ตอบ : คนเขียนมั่วจุง ไม่มีความรู้อะไรเลย พม่า มี Energy Planning Department(EPD)ทำหน้าที่ ประสาน จัดการ และ วางกฎระเบียบ ซึ่งชื่อมันอาจต่างกับประเทศไทย แต่มาเหมาเอาว่าประเทศพม่าไม่มี ถือว่าอคติมาก

........6..พม่าไม่มีสถาบันวิจัยพลังงานแบบมหาลัยดังในไทย...
........7.พม่าไม่มีวิศวกรรมปิโตรเลียมแบบมหาลัยดังของไทย...

ตอบ : พม่า มีมหาลัยที่คล้าย ม. เกษตรศาสตร์ ย่างกุ้ง มหาลัยเค้าสร้างก่อนจุฬาแต่ ไม่สอนเลี้ยงสัตว์ สอนแต่ปลูกป่า ในทางตรงกันข้าม ของไทย มีวิศวกรปิโตรเลียมที่ทำผลงาน มีนวัตกรรมมากมาย

ถัดมา พม่า เริ่มเจอน้ำมันครั้งแรก เมื่อปี คศ. 1853 แต่มีการปรับเปลี่ยนกฎเกณฑ์ต่างๆ จนกระทั่งถึงปี คศ. 2011 ถึงจะเริ่มมีกฎเป็นรูปเป็นร่างมี Petrochemical Complex ที่ Thanbayakan ที่ผลิตได้แค่ 25,000 B/D

หมายเหตุ ทุกวันนี้ ทรัพยากรบุคคลในอุตสาหกรรมประเภทนี้ เป็นที่ต้องการมาก เพราะเริ่มเปิด AEC จีน เริ่มเข้าไปลงทุนที่ประเทศพม่าแล้ว มีการต่อท่อส่งน้ำมัน และ ร่วมทุนกับพม่ามากมาย (แสดงให้เห็นว่า พม่ามีทรัพยากรธรรมชาติที่เยอะกว่าประเทศไทยมากมายหลายเท่า)

.........8.พม่าไม่มีโรงกลั่นแม้สักโรงเดียว...ต้องซื้อน้ำมันจากไทยเท่านั้น

ตอบ : พม่ามีโรงกลั่นเล็กๆ ที่ Thanlyin และ Chauk กำลังการผลิต 20,000 และ 6,000 B/D ตามลำดับ โดยส่วนใหญ่นำเข้าจากสิงคโปร์มากที่สุด

.........9.พม่าไม่มีด้อกเตอร์ พลังงาน ด้อกเต้อ ปิโตรเลียม..ด้อกเต้อ เศรษฐศาสตร์..บอร์ด(ตาบอด)พลังงาน ...บอร์ด(ตาบอด)ปิโตรเลียม มากมายหลายองค์กร แบบไทย...

ตอบ : อย่าดูถูก ประเทศตัวเอง และ ประเทศเพื่อนบ้าน พม่า หรือ ประเทศไหนก็มีเฉกเช่นเดียวกันหมด และอาชีพเหล่านี้เป็นที่ต้องการของตลาดด้วยซ้ำ

.........เขาเลยคิดราคาพลังงานลึกซึ้งแยบคายแบบไทยไม่เป็น

กล่าวโดยสรุป ควรมองเรื่องความมั่นทางพลังงานในภาพรวมบ้าง ประเทศพม่า บางพื้นที่ยังไม่มีไฟฟ้าใช้ด้วยซ้ำ พม่าไม่มีกลไกราคาน้ำมัน ช่วยเหลือประชาชน ยามที่พลังงานมีราคาผันผวน พม่าแก๊สหุงต้มแพงกว่าประเทศไทย พม่าไม่มีพลังงานทางเลือกให้เลือกใช้มากนัก และ พม่า ยังมีการปล่อยมลพิษในเชื้อเพลิงมากกว่าประเทศไทยอีก (มาตรฐานน้ำมันต่ำกว่าไทย)


บทความที่คล้ายกัน

พม่าน้ำมันขุดมือ อันตราย เสี่ยงสารพิษ

เรื่องน้ำมันขุดมือ ของชาวบ้านที่มาขุดน้ำมันในพม่า มีมาแต่ในอดีตหลายสิบปีก่อน เพราะที่ในพื้นที่มีน้ำมันซึมขึ้นมาบนผิวดิน รัฐบาลท้องถิ่นอนุญาตให้ชาวบ้านขุดหาน้ำมันความลึกไม่เกิน 100 เมตร จากนั้นเอาท่อพีวีซีหย่อนลงไปเก็บน้ำมันขึ้นมา เคยผลิตได้สูงสุดถึง 25 บาร์เรลต่อวันต่อหลุม โดยต้องเสียค่าเช่าที่ประมาณ 3,000-50,000 บาท /หลุมขุดเจอก็เจอ ไม่เจอก็เจ๊งไป



หลายครอบครัว ขายไร่ขายนามาเสี่ยงโชค แล้วก็หน้าแห้งกลับไป

ตอนนี้รัฐบาลท้องถิ่น งดให้/ต่อการอนุญาตแล้ว ส่วนที่ยังเห็นขุดกันอยู่ก็คือกลุ่มที่ยังผลิตได้ ซึ่งเหลืออยู่ไม่มาก

ถ้าดูจากภาพ จะเห็นคราบการปนเปื้อนสิ่งแวดล้อมและสุขอนามัยในระดับเละเทะ เพราะขาดมาตรการและการกำกับที่ดี (ซึ่งหมายถึงเงินลงทุน!!) และ ไม่มีที่ไหนในโลก ที่ผลิตลิตรละ 2 บาท ถ้ามีหลักฐานเอามาแสดงอย่าพูดชุ่ย

ยังไม่รวมถึงการทะเลาะเบาะแว้ง การต่อสู้แย่งชิงทำเล อาชญากรรม และปัญหาเด็กกับเยาวชน ที่จะขาดโอกาสทางการศึกษา เพราะพ่อแม่ย้ายถิ่นฐานมาปักหลักในพื้นที่

เมื่อมาตรฐานการผลิตและมาตรการจัดการด้านสิ่งแวดล้อมต่ำเตี้ยเรี่ยดิน ผลิตโดยไม่ต้องรับผิดชอบใดๆต่อสิ่งแวดล้อมและสังคมขนาดนี้ ต้นทุนการผลิตย่อมต่ำไปด้วยเป็นธรรมดา ซึ่งน่าจะเป็นเหตุผลให้ปัจจุบันทางการพม่ากำหนดยุทธศาตร์ใหม่ โดยให้เอกชน รวมไปถึงรัฐ ขุดเจาะสำรวจเองในอนาคต

เหตุการณ์ก็คล้ายๆกับการเฮโลขุดแร่ที่เขาศูนย์ ดอยโง้ม เขาพนมพา บ้านน้ำเค็มที่เมืองไทย ก็ไม่เข้าใจว่าทำไมมีกลุ่มคน NGO รวมไปถึงนักการเมือง (ที่ไม่ได้มีความรู้เรื่องธรณีวิทยา) จึงอยากให้ประเทศไทยเป็นอย่างนี้ แต่ขอโทษนะครับ ถึงจะอยากอย่างไรก็แห้วนะครับ เพราะที่เมืองไทยเรา มีที่ที่น้ำมันไหลซึมขึ้นมาใกล้ผิวดินเพีบงแห่งเดียวคือที่ฝาง และก็ไม่ได้มากมายเหมือนที่พม่าเขา หม่องเขาเพียงแต่โชคดีที่มีน้ำมันในระดับตื้นนะครับ เพราะน้ำมันดิบที่เกิดจากแอ่งสะสมตะกอนที่หนากว่า 10 กิโลเมตรนั้น ถูกขับดันไหลซึมขึ้นสู่ผิวดินตามรอยเลื่อนขนาดใหญ่เท่านั้นแหละ ไม่ได้เก่งกว่าคนไทยตรงไหนหรอกครับ

ซึ่งพม่ามีน้ำมันดิบที่ซึมผ่านชั้นหินต่างๆ ขึ้นมาจนอยู่ตื้นมาก สามารถเจาะหลุมได้ด้วยอุปกรณ์แบบเจาะน้ำบาดาล บางครั้งซึมขึ้นมาจนถึงผิวดิน (Oil seep)และมีระบบการขออนุญาตของพม่า / ให้ขุดเฉพาะหลุมตื้น / ไม่ใช้แท่นเจาะขนาดใหญ่ ส่วนไทยมีปรากฏการณ์นี้น้อยมาก ที่พบเมื่อนานมากมาแล้วคือที่ฝาง ปกติแหล่งน้ำมันของไทยอยู่ลึกประมาณ 2.5 - 3 กม. ต้องใช้แท่นเจาะแบบอุตสาหกรรม ส่วน การเจาะแบบในคลิปได้คือถ้าบ่อน้ำมันมันตื้นมากๆ แบบน้ำบาดาล อาจจะได้ แต่ถ้าเจาะแบบ Open hole อาจจะทำให้เกิดการปนเปื้อนในชั้นน้ำบาดาล (อยากทำแบบนี้ไม่ต่อต้านกันแล้วหรอ) เห็นในภาพเป็นท่อ PVC บ้านๆ พอนำเอาน้ำมันดิบขึ้นมาแล้ว ไม่มีการสวมอุปกรณ์เครื่องมือป้องกัน ไม่รู้ว่าน้ำมันดิบนั้นจะมีสารปนเปื้อนหรือเปล่า อาจเป็นอันตรายต่อร่างกายเพราะได้กลิ่นและสัมผัสกับน้ำมันดิบโดยตรง แถมสภาพแวดล้อมแถวนั้นก็ดูเสื่อมโทรม ถ้าเกิดฝนตกแล้วชะล้างเอาน้ำมันดิบลงแม่น้ำล่ะ ไม่อยากจะคิดเลย พวก NGO ประเทศไทยว่ายังไง ปลาจะตาย สัตว์ที่อาศัย คนใช้น้ำในแม่น้ำไม่ได้ แต่การเจาะหลุมปิโตรเลียมในไทย เจาะลึกกว่าระดับน้ำบาดาลมาก (ระดับน้ำบาดาลลึกสุดในไทยประมาณ 600 เมตร)และ ลงท่อกรุ Casing รอบหลุม ไม่ให้สิ่งที่อยู่ในหลุมออกไปปะปนกับชั้นหินอื่น เรียกว่าเป็นระบบปิด น้ำจากการขุดเจาะยังต้องเอาไปบำบัดก่อนอัดกลับลงหลุม แถมเจ้าพนักงานก็ต้องใส่ชุดหมี ต้องใส่อุปกรณ์ป้องกันไอจากน้ำมันดิบอีกต่างหาก

เคยโพสต์ไปเมื่อ 2 ปีที่แล้ว http://bit.ly/2MGrADw
เคยมีกรณีเพื่อนบ้านเราเช่นกัน ช่วงเมษายนที่ผ่านมา ไฟไหม้บ่อน้ำมันเถื่อนในอินโดฯ http://bit.ly/2MXJaCB

#น้ำมันขุดมือ



ที่มา น้ำมันพม่าขุดมือ อันตราย เสื่องสารพิษ http://bit.ly/2D4oQJT

เห็นแล้วอึ้ง ราคาน้ำมันไทย อยู่ตรงไหนของโลก

ถ้ากดดูภาพแล้วจะเห็นได้ว่าน้ำมันของไทยเรา ไม่ได้แพงสุดในโลก อยู่ในระดับกลางของทั้งโลกด้วย


ซึ่งน้ำมันเป็นสินค้า Commodity หรือ สินค้าโภคภัณฑ์ ไม่เกี่ยวกับเรื่องค่าครองชีพ เพราะมีมาตรฐานในตัวสินค้าเหมือนกันทั้งโลก เฉกเช่นเดียวกับทอง

ที่มาราคา https://www.globalpetrolprices.com/gasoline_prices/

ราคาก๊าซพม่า,มาเลเซีย 66 สต. เพ้อเจ้อ

สุดเพ้อเจ้อเรื่องราคาก๊าซธรรมชาติที่ขายให้มาเลเซีย 66 สต.



ก๊าซฯจากแหล่ง JDA (Joint Development Area) เป็นพื้นที่ทับซ้อน ที่ไทยกับมาเลเซียได้ตกลงร่วมกันพัฒนา โดยตั้งบริษัทร่วมทุนขึ้นมาเป็นผู้พัฒนาหาประโยชน์จากแหล่งก๊าซฯในพื้นที่นั้น กำไร ผลผลิต หรือสิทธิประโยชน์ก็แบ่งเท่าๆ กันระหว่างไทยกับมาเลเซีย ทั้งไทยและมาเลเซียมีสิทธิที่จะซื้อก๊าซจากแหล่งนั้นตามที่ได้ตกลงกัน โดยมีโครงการวางท่อก๊าซมาขึ้นบกที่สงขลา ที่อำเภอจะนะ

ก๊าซธรรมชาติที่ว่าขายให้มาเลเซีย จึงเป็นก๊าซฯจากแหล่ง JDA นี้ ซึ่งไม่ใช่ของไทยซึ่งเป็นกรรมสิทธิร่วมกันจะเอาไปเปรียบเทียบกับก๊าซฯที่ประเทศไทยซื้อจากพม่า จากแหล่งเยนาดา เยตากุนไม่ได้ เพราะก๊าซฯ นั้นแม้ ปตท.สผ. จะได้ร่วมสำรวจและผลิต แต่ราคาก็ต้องเป็นราคาที่ตกลงกับรัฐบาลพม่า ดังนั้น คนที่มาพูดว่าไทยเราซื้อก๊าซจากแหล่งนี้มาแพง ถึงว่าเป็นการกล่าวหาที่เป็นเท็จ


เรื่องราคาที่มีการเข้าใจผิดว่า 66 สต. นั้น ยิ่งเป็นความมั่วโดยหาที่เปรียบไม่ได้ เพราะ ราคาก๊าซที่เราทำสัญญากับมาเลเซียในพื้นที่พัฒนาร่วมนี้ อยู่ที่***ราคาประมาณ 7.8 ดอลลาร์สหรัฐ/ล้านบีทียู (องค์กรร่วมไทย-มาเลเซียได้เสนอร่างสัญญาแก้ไขเพิ่มเติมฉบับที่ 4 สัญญาซื้อขายก๊าซธรรมชาติแปลง A-18 ในพื้นที่พัฒนาร่วมไทย -มาเลเซีย ที่คณะกรรมการองค์กรร่วมไทย -มาเลเซียได้เห็นชอบแล้วในการประชุมองค์กรร่วมครั้งที่ 103 เมื่อวันที่ 21 กันยายน 2555 และได้มีการลงนามกำกับย่อ (Initial) โดยคู่สัญญาทุกรายเป็นที่เรียบร้อยแล้วเพื่อขอรับความเห็นชอบจากรัฐบาลไทย (พร้อมทั้งนำเสนอขอความเห็นชอบจากรัฐบาลมาเลเซียด้วยเช่นกัน) อายุสัญญาจะเริ่มนับจากวันที่คู่สัญญาทั้งสองฝ่ายลงนามในสัญญาและจะสิ้นสุดเมื่อครบระยะเวลา 5 ปี 6 เดือน) ฉะนั้นแล้ว 66 สต. เป็นตัวเลขที่เอามาจากไหน?

***ส่วนก๊าซจากพม่าที่บอกว่ากิโลละ 12 บาท (คาดว่าสับสนหน่วย) น่าจะเป็นเข้าใจผิดเรื่องตัวเลขอีกเช่นเคย ราคาเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 11.54 ดอลล่าร์/ล้านบีทียู และเป็นราคาที่ทำสัญญาเจรจาซื้อขาย ระหว่าง 4 บริษัทในพื้นที่ของพม่า โดย ปตท.สผ. เป็นแค่หนึ่งในบริษัทร่วมลงทุนเท่านั้น

อนาคตก๊าซจากพม่าอาจลดน้อยลงเพราะพม่าหันไปทำสัญญาระยะยาวกับประเทศจีนอาจทำให้ไทย ตกอยู่ในสถานการณ์ขาดแคลนก๊าซ ทำให้ต้องนำเข้า LNG จากที่อื่นๆ เพิ่ม 16.42 ดอลลาร์สหรัฐต่อล้านบีทียู (ประมาณ 542 บาทต่อล้านบีทียู) หรือเท่ากับ 26.2 บาท/กิโลกรัม ซึ่งจากแหล่งก๊าซในไทยอยู่ที่ประมาณ 8 ดอลลาร์สหรัฐต่อล้านบีทียู (ประมาณ 264 บาทต่อล้านบีทียู) หรือเท่ากับ 12.77 บาท/กิโลกรัม ฉะนั้นตอนนี้เราก็เลี่ยงไม่ได้ที่จะต้องทำสัญญากับพม่า เพื่อให้ได้ก๊าซในราคาที่ถูกกว่านำเข้า LNG ที่ต้องขนส่งทางเรือทำให้มีต้นทุนสูงกว่า

และ ถ้ามีการเปรียบเทียบกับอเมริกา ยิ่งเพ้อเจ้อใหญ่ ก๊าซ Henry Hub 3 บาท ไม่ใช่ว่า จะได้ใช้ถูกๆ เพราะ

- ข้อมูลข้างต้นเป็นการนำราคาก๊าซธรรมชาติที่ไม่ใช่ราคาขายปลีกและยังไม่ได้รวมค่าใช้จ่ายดำเนินการใดๆ มาเปรียบเทียบกับราคาขายปลีก NGV จึงไม่สามารถเปรียบเทียบกันได้ การเปรียบเทียบควรเปรียบเทียบราคาขายปลีก NGV ด้วยกัน

- ราคาก๊าซ NGV ของสหรัฐฯ อเมริกาอยู่ที่ $2-2.5 ต่อ GGE (Gasoline-gallon equivalent เทียบเท่าแกลลอนของเบนซิน) ซึ่งเทียบเท่ากับราคา NGV ที่ประมาณ 27-34 บาท/กก. ราคาก๊าซ NGV ของเยอรมันปัจจุบันอยู่ที่ 0.9-1.1 ยูโร/กก. ซึ่งเท่ากับราคา NGV ที่ประมาณ 36-44 บาท/กก.



#JDA #THAI #MALAYSIA #LNG #NG #MYANMAR #ENERGY
------- JDA หรือ (Thailand – Malaysia Join Development Area, JDA) -------

พื้นที่พัฒนาร่วมไทย – มาเลเซีย (Thailand – Malaysia Join Development Area, JDA) มีพื้นที่ประมาณ 7,250 ตารางกิโลเมตร ซึ่งตั้งอยู่ในอ่าวไทยตอนใต้ ใกล้กับทะเลจีนใต้ เกิดขึ้นจากการประกาศพื้นที่เขตแดนของทั้งประเทศไทย และประเทศมาเลเซียที่มีพื้นที่ทับซ้อนกัน เพื่อเป็นการป้องกันปัญหาความขัดแย้งที่เกิดขึ้นจากการใช้พื้นที่และทรัพยากร ในปี ค.ศ. 1991 รัฐบาลทั้งสองประเทศจึงประกาศให้พื้นที่นี้เป็นพื้นที่พัฒนาร่วมโดยตั้งหน่วยงานกลางขึ้นมาดูแล ได้แก่ Malaysia – Thailand Join Authority ( MTJA ) มีสำนักงานตั้งอยู่ที่กรุงกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย มีหน้าที่รับผิดชอบบริหารจัดการการใช้ทรัพยากรในพื้นที่โดยให้ผลประโยชน์ตกอยู่กับทั้งสองประเทศโดยเท่าเทียมกัน ในพื้นที่ JDA นี้ ได้แบ่งพื้นที่สัมปทาน สำรวจ และผลิตปิโตรเลียมออกเป็น 3 แปลงด้วยกัน ได้แก่ แปลง B – 17 ดำเนินงานโดยบริษัท Carigali - PTTEPI Operating Company (CPOC), แปลง A – 18 โดยบริษัท Carigali - Hess Operating Company (C – HESS) และแปลง C – 19 โดยบริษัท CPOC โดยก๊าซธรรมชาติจากแหล่ง A – 18 ได้ถูกส่งไปยังโรงไฟฟ้าจะนะ ของการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย นอกจากนั้นยังถูกส่งไปที่โรงแยกก๊าซธรรมชาติ จะนะ ของบริษัท ทรานส์ ไทย – มาเลเซีย (ประเทศไทย) จำกัด ตั้งอยู่ที่ อ.จะนะ จ.สงขลา ซึ่งแยกก๊าซธรรมชาติเป็นก๊าซ LPG และ NGL ซึ่งจะถูกส่งต่อไปจำหน่ายยังประเทศมาเลเซีย ก๊าซธรรมชาติจากแปลง A – 18 บางส่วน และก๊าซธรรมชาติจากแปลง B – 17 ได้ถูกจัดส่งเข้าท่อส่งก๊าซธรรมชาติในทะเลสายประทาน 3 ไปยังโรงแยกก๊าซธรรมชาติระยอง ของบริษัท ปตท.จำกัด (มหาชน) และถูกส่งไปยังโรงไฟฟ้าและลูกค้าต่างๆด้วยระบบท่อส่งก๊าซฯของ ปตท. (ขณะนี้ได้มีการดำเนินการแยก TPA ออกมา) สำหรับท่อส่งก๊าซฯในพื้นที่ JDA ทั้งหมด จะดำเนินงานโดยบริษัททรานส์ ไทย – มาเลเซีย จำกัด (TTM) ซึ่งเป็นบริษัทร่วมทุนระหว่าง ปตท. (ปตท.สผ.) และปิโตรนาส ประเทศมาเลเซีย (PETRONAS) โดยมีอัตราส่วนการถือหุ้น 50 : 50 นอกจากการจัดส่งก๊าซฯทั้งสองจุดที่ได้กล่าวมาแล้วทางบริษัท TTM กำลังวางแผนเพื่อดำเนินการก่อสร้างท่อส่งก๊าซธรรมชาติ จากแหล่ง JDA แปลง B – 17 ไปยังชายฝั่งเมือง Kertih ประเทศมาเลเซีย เพื่อรักษาสัดส่วนการใช้ ก๊าซฯจากแหล่ง JDA ให้มีความทัดเทียมกันทั้งสองประเทศอีกด้วย

เลิกร้องไห้หนักมาก เรื่องราคาน้ำมันพม่ากับไทยเพราะเหตุผลต่อไปนี้

ไม่ต้องดราม่า ร้องไห้หนักมาก เรื่องราคาน้ำมันพม่ากับไทย

- ราคาน้ำมันพม่าถูกกว่าไทย เพราะไทยเก็บเงินเข้าภาษีและกองทุนน้ำมันเยอะกว่า ส่วนพม่า ราคาถูกกว่า รัฐเก็บภาษีและกองทุนน้อยกว่าไทยมาก



ที่มาภาพ น้องปอสาม

- โรงกลั่นไม่ได้ผลิตเอทานอลเอง ต้องไปซื้อเอทานอล เข้ามาผสมกับน้ำมันเบนซิน เพื่อผลิตเป็นน้ำมันแก๊สโซฮอลชนิดต่างๆ การที่กองทุนน้ำมันจ่ายเงินชดเชยให้โรงกลั่น ก็เพื่ออุดหนุนให้ราคาน้ำมัน E ต่างๆ ถูกกว่า โดยเงินนั้นไม่ได้เข้ากระเป๋าโรงกลั่น แต่เป็นการที่รัฐจ่ายเงินชดเชยให้โรงกลั่น เพื่อให้ราคาขายจริงต่ำกว่าต้นทุน

- แก๊สโซฮอลและไบโอดีเซล มีต้นทุนสูงกว่าน้ำมันทั่วไปจริง (แต่ไม่เสมอไป ช่วงนี้ราคาน้ำมันต่ำกว่า เพราะราคาตลาดโลกลงเยอะ) เพราะต้องเอาเอทานอล/ไบโอดีเซลที่ผลิตจากพืชเกษตรในประเทศมาผสมเพิ่มเติม ซึ่งรัฐมุ่งหวังเป็นวิธีแก้ปัญหาผลผลิตอ้อย มัน และปาล์ม ล้นตลาด และเพื่อสร้างพลังงานทางเลือกให้ประเทศในระยะยาว

ดังนั้น รัฐจึงใช้วิธีสร้างความแตกต่างระหว่างน้ำมันเบนซินธรรมดากับแก็สโซฮอล โดยใช้กลไกลของกองทุนน้ำมันมาทำให้ราคาน้ำมันแต่ละชนิดแตกต่างกัน เพื่อจูงใจให้ผู้บริโภคมาใช้แก๊สโซฮอลต่างๆ กันมากขึ้น โดยภาพด้านบนเป็นการนำเสนอโครงสร้างราคาน้ำมันประเทศพม่า วันที่ 14 มกราคม 2559

ส่วนนี่คือ 5 เหตุผลที่น้ำมันพม่าถูกกว่าประเทศไทย

ก่อนนำราคาเพื่อนบ้านมาให้ประชาชนดู กรุณานำเสนอข้อมูลให้รอบด้าน เอาภาพไปใช้กรุณานำข้อมูล 5 ข้อ ไปบอกด้วย

1) ประเทศพม่าเป็นประเทศ Oil Net Import ความต้องการใช้ปัจจุบันประมาณ 75,000 BBL/Day ผลิตได้เองโดยโรงกลั่นในประเทศ 20,000 BBL/Day อีกประมาณ 55,000 BBL/Day ต้องนำเข้าเป็นน้ำมันสำเร็จรูป

2) น้ำมันสำเร็จรูปส่วนใหญ่นำเข้าจาก Singapore, มีเพียงส่วนน้อยที่นำเข้าจากประเทศไทย ซึ่งส่วนใหญ่จะใช้เพียงบริเวณชายแดนไทยพม่า น้ำมันส่วนใหญ่ในเมืองใหญ่ เช่น Yangon, Mandalay มาจาก Singapore

3) โครงสร้างราคาในปัจจุบันไม่มีการเก็บเงินเข้ากองทุนใดๆ มีเพียงการเก็บ Custom duty 1.5% บนราคา Import Price และ Commercial tax อีก10% (Commercial tax มีลักษณะคล้าย VAT กับ Excise tax รวมกัน เมื่อเปรียบเทียบกับประเทศไทย)

4) ปัจจุบันราคาหน้าปั๊มจะถูกตั้งโดยสมาคมกลุ่มผู้นำเข้าน้ำมันรายใหญ่ (Myanma Petroleum Trade Association - MPTA) โดยหน่วยงานรัฐวิสาหกิจ (Myanma Petroleum Product Enterprise - MPPE) จะดูแลราคาไม่ให้ผู้นำเข้าตั้งราคาสูงเกินไปจากราคาตลาดโลก (ไม่ต่างกับประเทศไทย โดยมีกระทรวงพลังงาน รวมไปถึง กรมธุรกิจพลังงาน กำกับดูแล ให้ผู้ค้าทำตามกฎหมาย มาตรา 7 และ ปตท. ที่คอยคานราคาขึ้นช้าลงเร็ว)

5) ในส่วนของราคาดีเซลของพม่า มีราคาถูกกว่าไทยเนื่องจาก มาตรฐานน้ำมัน (ยูโร) ต่างกัน ในส่วนของ P-HSD = Premium HSD Sulfur content 10-50 ppm (EURO 4); HSD = Regular HSD Sulfur content 500 ppm (Euro 2) ถ้าของไทย Premium HSD จะเป็น EURO 5 และมีการผสมน้ำมันปาล์ม B100 ให้เป็นไบโอดีเซล ตามสัดส่วน 6-7% ที่มีราคาแพงกว่าประมาณ 1.20 บาท แต่เพื่อลดการนำเข้าน้ำมัน ช่วยเหลือเกษตรกร และเพื่อให้สอดคล้องกับแนวทางการส่งเสริมพลังงานทดแทนตามโครงการพระราชดำริ

ขอบคุณข้อมูลจากเพจ น้องปอสาม