Showing posts with label ภาษีสรรพสามิต. Show all posts
Showing posts with label ภาษีสรรพสามิต. Show all posts

น้ำมันดิบ WTI จะต่ำลงขนาดไหน ก็ไม่ได้เกี่ยวกับ ราคาน้ำมันขายปลีกของไทยเรา

หากท่านดูข่าว ไม่ว่าจะเห็นราคาน้ำมันดิบ WTI ที่กี่เหรียญ อันนี้น่าจะตกใจกันมากในเมื่อคืนที่ผ่านมาเพราะราคาน้ำมันดิบของ WTI แทบจะแจกฟรี แต่เหตุผลหลักคือถังน้ำมันดิบของ WTI ใน Texas เป็นเรื่องของสัญญา futures เดือนพฤษภาคมที่จะหมดอายุลง ผู้ที่ถือสัญญาอยู่จะต้องส่งมอบน้ำมันที่สหรัฐอเมริกา แต่เนื่องจากสถานที่จัดเก็บเต็มในประเทศ จึงต้องขายสัญญาออกไป แม้ต้องขายติดลบก็ตาม



🛢🛢 เหตุการณ์นี้ยังไม่กระทบกับราคาน้ำมันส่งมอบในส่วนอื่นของโลก (เช่น Brent Dubai) เนื่องจาก storage ที่อื่นยังไม่เต็ม และ WTI มีข้อจำกัดในการส่งออก ทำให้ WTI ไม่สะท้อนราคาน้ำมันตลาดโลก

คราวนี้มาดูประเด็นที่เกี่ยวข้องกับไทยเราบ้าง

🛢🛢 ราคาน้ำมันดิบ WTI ที่ไม่ว่าจะลงไปเท่าไหร่ ก็ไม่ได้มีความเกี่ยวข้องกับราคาน้ำมันในประเทศเราเลย หรือแม้แต่กระทั่งเกี่ยวข้องกับผลประกอบการของบริษัทน้ำมันในบ้านเราเลย เพราะฉะนั้นไม่ต้องตกใจหรือคิดว่าตลาดน้ำมันในบ้านเราจะมีอะไรเปลี่ยนแปลง เพราะบ้านเราใช้ราคาอ้างอิงน้ำมันสำเร็จรูป ณ ตลาดสิงคโปร์ (มีอธิบายในด้านล่าง) เป็นหลัก ซึ่งตลาดนี้สะท้อนความต้องการในภูมิภาค

ในขณะที่ตลาดส่งมอบน้ำมันทั่วโลกอื่นๆ ที่ผ่านมา Dubai ปรับลดลงเล็กน้อยเท่านั้นไม่ถึง 1 เหรียญต่อบาร์เรล

⛽⛽ สำหรับผู้ใช้น้ำมันเติมรถกันนั้น ไม่ต้องดีใจว่าจะได้เข้าไปเติมน้ำมันแบบราคาลดลงแบบเยอะแยะขนาดนั้น เพราะกว่าน้ำมันดิบจะมาเป็นน้ำมันรถยังต้องผ่านอีกหลายขั้นตอนแถมยังมีนโยบายของภาครัฐ อย่างภาษี กับ กองทุนต่างๆ บวกเข้าไปอีก

อันนี้เคยนำเสนอไปแล้วลองอ่านที่เพจอื่นนำเสนอดูบ้าง เรื่องทำไมต้องอ้างอิงน้ำมันสำเร็จรูปตลาดสิงคโปร์ และ ราคาที่ตลาดนี้เหมาะสมหรือไม่ ที่มา Oil Trading - ทันตลาดน้ำมันและเศรษฐกิจโลกกับ KP https://bit.ly/3anaPUT



ที่มาภาพ http://energythaiinfo.blogspot.com/2012/08/blog-post.html

สาเหตุหลักคือ ตลาดซื้อขายกลางในสิงคโปร์ เป็นจุดที่เรือน้ำมันจากทุกประเทศในภูมิภาคในเอเชียวิ่งเข้ามาบรรจบกันเพื่อทำการแลกเปลี่ยนซื้อขายน้ำมันในแต่ละชนิด ไม่ว่าจะเป็นน้ำมันดิบหรือน้ำมันสำเร็จรูปอย่างเบนซินและดีเซล หากใครมีน้ำมันเกินก็นำมาขายได้ที่สิงคโปร์นี้ ใครขาดน้ำมันอะไรก็มารับซื้อจากตลาดสิงคโปร์นี้ ทำให้สิงคโปร์กลายเป็นตลาดราคากลางของเอเชียที่มีความน่าเชื่อถือสูงเพราะมีผู้เล่นจากทั่วทุกมุมของเอเชียนำของเข้ามาซื้อขายกันตลอดเวลา

ถ้าเราจะไม่ทำการกลั่นน้ำมันดิบกันในประเทศเอง - หากเราสมมุติว่าเราไม่มีโรงกลั่น และต้องนำเข้าน้ำมันเบนซินและดีเซลจากต่างชาติมาเติมใส่ปั๊มในประเทศเราให้ได้ใช้กัน ตลาดสิงค์โปร์ก็คือต้นทุนราคาที่เราต้องนำเข้ามาอยู่ดีและนั้นก็จะเป็นต้นทุนของปั๊มเรา ทำให้ราคาก็จะไม่ต่างอะไรมากกับราคาที่โรงกลั่นเราขายอยู่ดี จริงๆแล้วราคาของโรงกลั่นเรายังถูกกว่าด้วยซ้ำเพราะการนำเข้าน้ำมันดิบนั้นถูกกว่าน้ำมันสำเร็จรูปหลายเท่า เพราะสามารถขนถ่ายได้ในปริมาณมากและไม่ต้องไปเสียค่าจ้างจากการกลั่นให้ประเทศอื่นๆ เพราะฉะนั้นราคาขายในประเทศที่อิงกับตลาดสิงค์โปร์นี้จึงเป็นราคากลางที่เหมาะสม

สิงคโปร์ก็เป็นเมืองท่าประตูทางผ่านจากจะวันออกกลางสู่เอเชียที่เป็นหลักที่สุด จุดยุทธศาสตร์ที่สำคัญนี้ ทำให้เขาสามารถตั้งตัวขึ้นมาเป็นจุดซื้อขายน้ำมันหลักๆได้ - เพราะอย่างที่เรียนว่าไม่ใช่แค่เพียงประเทศไทย แต่หลายๆประเทศในภูมิภาคเอเชียที่ไม่สามารถผลิตน้ำมันดิบได้เองนั้นก็กำลังต่างก็ต้องพึ่งพาน้ำมันดิบจากตะวันออกกลาง และทุกๆเส้นทางของแต่ละประเทศนั้นต้องมีสิงคโปร์อยู่ระหว่างกลาง

ราคา ณ ตลาดสิงคโปร์ ไม่ได้กำหนดโดยรัฐบาลสิงคโปร์ แต่กำหนดโดย ทาง Platts นั้นจึงต้องหาวิธีใหม่ที่จะทำอย่างไรให้ผู้ซื้อผู้ขายทั้งหมดในเอเชียมากำหนดราคาซื้อขายรายวันกันได้โดยให้มีสภาพคล่องสูงที่สุด โดย Platts ใช้วิธีการว่าหากใครก็ตามที่ต้องการเข้ามา เสนอซื้อ (Bid) หรือ เสนอขาย (Offer) ในช่วง Singapore Window นั้น จะต้องรับส่งมอบน้ำมันตามเกรดนั้นจริงๆตามที่ Platts กำหนด จะไม่มีใครสามารถเข้ามาซื้อขายราคาต่างๆเพียงเล่นๆได้ ต้องประสงค์ที่จะรับน้ำมันไปในระดับราคานั้นจริงๆ การทำแบบนี้นั้นทำให้ยากที่ราคาจะโดนปั่นได้ เพราะบริษัทน้ำมันต่างๆ ที่เข้ามาร่วมซื้อขายนั้นต้องพร้อมที่จะรับน้ำมันไปในราคาที่เสนอจริงๆ

ที่มา น้ำมันดิบ WTI จะต่ำลงขนาดไหน ก็ไม่ได้เกี่ยวกับ ราคาน้ำมันขายปลีกของไทยเรา

หนังคนละม้วนถ้าได้รู้ความจริงเรื่องราคาน้ำมันไทยกับกัมพูชา

อาจได้มีการเห็น การแชร์เรื่องราคาน้ำมันไทยกับกัมพูชา ไทยส่งออกไปขายน้ำมันกัมพูชา โดยคนกัมพูชาใช้ถูกกว่าคนไทย ถ้าไม่คิดให้ดี หรือ ขวนขวายหาความจริงจะต้องเกิดคำถามในใจว่าทำไม ซึ่งทาง blog แฉ!! ทวงคืนพลังงาน ได้รวบรวมข้อมูลมาให้แล้วว่าเป็นอย่างไร



ได้มีเพจ น้องปอสาม ได้เฉลยข้อมูลไว้ว่า สาเหตุหลักๆ ที่ราคาต่างกันจากนโยบายทางภาษี ซึ่งจากข้อมูลรายได้ภาษีน้ำมันเป็นรายได้รัฐที่จัดเก็บในแต่ละปีมีมูลค่าสูงมาก หากลดเก็บภาษีน้ำมันลงรายได้รัฐจะหายไป 2.2 แสนล้านบาท ซึ่งถือเป็นรายได้อันดับ 1 ในบรรดาภาษีสรรพสามิตซึ่งเป็นภาษีที่เก็บกับสินค้าฟุ่มเฟือย (ข้อมูลจากสำนักนโยบายการคลัง สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง เมื่อเดือน ม.ค. 2561)

สัดส่วนโครงสร้างราคาน้ำมันของไทย กับ กัมพูชา ต่างกันอย่างไร
เมื่อช่วงอาทิตยที่ผ่านมา เห็นมีการแชร์ข้อมูลว่าไทยกับกัมพูชา ราคาน้ำมันต่างกัน โดยบางชนิดอย่างดีเซลไทยแพงกว่าดีเซลกัมพูชา อาจมีการสงสัยกันว่า เป็นเพราะอะไร คำตอบคือง่ายมาก โครงสร้างราคาต่างกัน ของกัมพูชาเก็บภาษีค่อนข้างจะต่ำมากกว่าไทย ในทางกลับกัน ถ้าไทยลดเก็บภาษีน้ำมันลง รายได้รัฐจะหายไป 2.2 แสนล้านบาท ซึ่งถือเป็นรายได้อันดับ 1 ในบรรดาภาษีสรรพสามิตซึ่งเป็นภาษีที่เก็บกับสินค้าฟุ่มเฟือย (ข้อมูลจากสำนักนโยบายการคลัง สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง เมื่อเดือน ม.ค. 2561)
ในส่วนราคา ส่วนอื่นๆ อย่างราคาน้ำมัน ณ โรงกลั่น จะเห็นได้ว่าไม่ต่างกันมาก ของกัมพูชาราคาสูงกว่าเรานิดหน่อย
และส่วนสุดท้ายที่กังขากันมากคือรายได้ปั๊มของไทยได้เยอะ แต่ไม่เลย รายได้ปั๊ม (ค่าการตลาด) ที่ยังไม่หักค่าดำเนินการใดๆ ออกเลยนั้น กัมพูชาได้สูงกว่าไทยเรามากนัก






ซึ่งหากรายได้ส่วนนี้ลดลง คงหนีไม่พ้นงบของกระทรวงต่างๆ อาจลดลงไปด้วย หรือในทางกลับกัน รัฐอาจต้องหาวิธีจัดเก็บภาษีจากส่วนอื่นมาทดแทนในส่วนที่หายไป




ที่มาข้อมูล



ชำแหละรสนา ทวงภาษีเชฟรอน

ชำแหละ "รสนา" ประเด็นภาษีเชฟรอน หนึ่งในข่าวที่ดังสนั่นวงการพลังงานมากที่สุดในปีที่ผ่านมาคงไม่พ้นเรื่อง “รสนาทวงภาษีเชฟรอน” โดยจี้ไม่หยุดหย่อนให้รัฐบาลเอาผิดเชฟรอนผ่านสื่อมาตลอด กะว่านี่จะเป็นอีกหนึ่งผลงานโบว์แดงให้นายชื่นใจ วันนี้ฤกษ์งามยามดี แอดจะชี้แจงทุกประเด็นไม่มีกั๊กค่า อยากให้ทุกคนเก็บโพสต์ชี้แจงเรื่องนี้เป็น #โพย ช่วยกันแชร์ตอบทุกครั้งที่มีคนถามเรื่องนี้ เพราะมั่นใจว่าป้าคงใช้เรื่องนี้หากินจวบชั่วฟ้าดินสลาย เรามาเริ่มกันเลยดีกว่า...


#แหกอกป้า หนึ่งในข่าวที่ดังสนั่นวงการพลังงานมากที่สุดในปีที่ผ่านมาคงไม่พ้นเรื่อง “รสนาทวงภาษีเชฟรอน” โดยจี้ไม่หยุดหย่อนให้รัฐบาลเอาผิดเชฟรอนผ่านสื่อมาตลอด กะว่านี่จะเป็นอีกหนึ่งผลงานโบว์แดงให้นายชื่นใจ วันนี้ฤกษ์งามยามดี แอดจะชี้แจงทุกประเด็นไม่มีกั๊กค่า อยากให้ทุกคนเก็บโพสต์ชี้แจงเรื่องนี้เป็น #โพย ช่วยกันแชร์ตอบทุกครั้งที่มีคนถามเรื่องนี้ เพราะมั่นใจว่าป้าคงใช้เรื่องนี้หากินจวบชั่วฟ้าดินสลาย เรามาเริ่มกันเลยดีกว่า...

#1 ตั้งแต่ปี 2554-2557 บริษัท เชฟรอนไทย สำแดงใบขนด้วยรหัส ZZ ซึ่งหมายถึงการส่งน้ำมันไปขายยังเขตต่อเนื่อง แต่ไม่ได้ส่งไปยังเขตต่อเนื่องจริง กลับนำน้ำมันดีเซลที่ปลอดภาษี ขายให้กับบริษัท เชฟรอนสำรวจและผลิต (สผ.) จำกัด เพื่อนำไปใช้ยังแท่นขุดเจาะที่เอราวัณ ใช่หรือไม่ 

--> ไม่ใช่เลยป้า ที่บริษัทเขาสำแดงใบขนแบบนั้น ก็ทำตามที่กรมศุลฯเขาสั่งให้ทำแบบนั้น เขาไม่เคยปกปิดว่าจะเอาน้ำมันไปใช้ที่แท่นขุดเจาะ น้ำมันตั้งหลายล้านลิตรต่อเดือน ใครจะไปปกปิดได้ 

#2 การที่บริษัท เชฟรอนไทย สำแดงใบขนว่าส่งน้ำมันไปยังเขตต่อเนื่อง แต่ไม่ได้ส่งไปขายที่เขตต่อเนื่องจริง กลับนำไปขายให้กับบริษัทในเครือเดียวกัน เพื่อนำไปใช้ที่แท่นขุดเจาะ จึงถือเป็นการสำแดงใบขนอันเป็นเท็จ ใช่หรือไม่ 

--> ไม่ใช่อีกแล้วเหอะป้า เขาทำตามที่กรมศุลฯเขาสั่งมา ไม่ได้โกหก ถ้าไม่ทำตามซิถึงจะผิด 

#3 บริษัท เชฟรอน สผ. เมื่อซื้อน้ำมันมาใช้ที่แท่นขุดเจาะ ที่แหล่งเอราวัณ และได้นำน้ำมันมาใช้กับเรือบริการ(supply boat)ที่วิ่งในน่านน้ำอ่าวไทยเพื่อรับส่งอุปกรณ์ระหว่างแท่นขุดเจาะกับแผ่นดินใหญ่ด้วย และถูกด่านสงขลาจับได้เมื่อต้นปี 2557 เพราะน้ำมันส่งออกได้เติมมาร์คเกอร์สีเขียว เพื่อแยกแยะว่าเป็นน้ำมันที่ปลอดภาษี การที่เชฟรอน สผ. นำน้ำมันส่งออกมาวิ่งบริการในอ่าวไทย จึงเป็นเรื่องผิดกฎหมาย ถือว่าเอาน้ำมันเถื่อนมาใช้ในประเทศ ด่านสงขลาจับเรือซัพพลายของเชฟรอน สผ. ได้ 8 ลำ มีน้ำมันเขียวจำนวน 1.6 ล้านลิตร จึงยึดไว้ และเชฟรอนยอมทำเรื่องระงับคดีกับด่านสงขลา โดยยอมให้ยึดน้ำมันเถื่อนทั้งหมด ด่านสงขลาไม่มีที่เก็บน้ำมัน จึงขายน้ำมันได้เงินมา 48 ล้านบาท 

--> นี่ก็เข้าใจผิดอีกนะป้า เรื่องมันมาจาก นายด่านที่สัตหีบ กับที่สงขลาตีความกฏหมายไม่เหมือนกัน แถมไม่เหมือนกับที่อธิบดีกรมตัวเองสั่งไว้ ยึดเรือของบริษัทฯเขาไว้ บริษัทฯเขาก็ต้องจำใจยอมความยอมเสียค่าปรับ เพื่อจะได้เอาเรือออกมาทำงานได้ก่อน ไม่งั้นตอนนี้เรือก็อาจยังในท่ารอข้าราชการตีความ ป่านนี้คงเป็นกลายเศษเหล็กไปแล้วมั้ง 

#4 ด่านสงขลามีอำนาจอนุมัติในการระงับคดีได้ในวงเงินไม่เกิน 5 แสนบาท กรณีการระงับคดีกับเชฟรอน จึงเกินอำนาจที่ด่านสงขลาจะอนุมัติได้เอง จึงต้องส่งเรื่องการระงับคดีมาที่คณะกรรมการเปรียบเทียบระงับคดีที่ส่วนกลาง แต่จนบัดนี้จะครบ 3 ปี ในเดือนกุมภาพันธ์นี้แล้ว คณะกรรมการเปรียบเทียบระงับคดี ยังไม่อนุมัติการระงับคดีของเชฟรอน เพื่อจะได้ส่งเงิน 48 ล้านบาท เข้าเป็นรายได้แผ่นดินเสียที ขอถามว่า เพราะเหตุใดจึงมีความล่าช้ามากขนาดนี้ ? 

--> ก็ถ้าเรื่องมันเป็นอย่างที่ป้าว่า เขาก็คงริบเงินเข้าคลังไปเรียบร้อยแล้วจริงมั้ย เพราะเรื่องมันไม่ได้เป็นอย่างนั้นนะซิ ข้าราชการเขาถึงได้กลืนไม่เข้าคายไม่ออกอยู่อย่างนี้ 

#5 หลังจากบริษัท เชฟรอน สผ. ถูกจับน้ำมันได้ที่ด่านสงขลา ซึ่งเป็นหลักฐานชิ้นสำคัญที่แสดงว่า เชฟรอนไม่ได้ส่งออกน้ำมันจริงตามใบสำแดงการส่งออก หลังจากเหตุการณ์นี้ ทางศุลกากรจึงให้เชฟรอนกลับไปซื้อน้ำมันในรูปแบบการค้าชายฝั่งไปก่อนในระหว่างปี 2557 – 2558 เชฟรอนกลับมาหารือเรื่องการส่งน้ำมันไปแท่นขุดเจาะ ว่าเป็นการส่งออกหรือไม่อีกครั้ง ในต้นปี 58 และทางสำนักกฎหมายก็ตอบหนังสือหารือของเชฟรอนในเดือนเม.ย.58 ว่าการส่งน้ำมันไปยังแท่นขุดเจาะที่อยู่นอกอาณาเขต 12 ไมล์ทะเล เป็นการส่งออกไม่ใช่การค้าชายฝั่ง บริษัท เชฟรอนไทย จึงกลับมาใช้ใบสำแดงการขนเป็นส่งออก ตั้งแต่ปี 58 บริษัท เชฟรอน (ไทย) จำกัด ได้เปลี่ยนการสำแดงใบขนเป็นรหัส YY ซึ่งเป็นรหัสว่าส่งออกไปนอกราชอาณาจักรโดยไม่ได้ระบุเมืองท่าของประเทศใด แต่ก็ยังคงนำน้ำมันไปขายต่อให้บริษัท เชฟรอน สผ. เพื่อไปใช้ที่แท่นขุดเจาะที่เอราวัณ เหมือนเดิม เมื่อกฤษฎีกาคณะพิเศษยืนยันว่า แท่นขุดเจาะอยู่ในราชอาณาจักรตาม พ.ร.บ. ปิโตรเลียม 2514 การสำแดงใบขนไปนอกราชอาณาจักร แต่นำไปขายให้ใช้ที่แท่นขุดเจาะ จึงเป็นการสำแดงเอกสารอันเป็นเท็จ ใช่หรือไม่ 

--> ไม่ใช่อีกนั่นแหละ หรือป้าทำแกล้งไม่รู้ เราๆประชาชนคนธรรมดา บางทีก็เดาใจราชการไม่ถูกว่าท่านจะเอาไงแน่ วันนึงสั่งแบบนึง อีกวันนึงสั่งอีกแบบ ถ้าเรากรอกเอกสารตามแบบที่ราชการคนแรกสั่ง แล้ว 3 ปีต่อมา ข้าราชการคนหลังมาบอกว่าที่เรากรอกแบบนั้นมันไม่ถูก ต้องกรอกอีกแบบนึง แล้วมีป้าที่ไหนก็ไม่รู้มาชี้หน้าด่าเราว่าเป็นเราโกหก แบบนี้มันแฟร์หรือเปล่า เอาสติป้าๆคิดดูดีๆก็ได้นะ 

#6 สำหรับบริษัท เชฟรอน (ไทย) จำกัด หากการสำแดงเอกสารใบขนทั้งรหัส ZZ คือ นำน้ำมันไปขายที่เขตต่อเนื่อง แต่ไม่ได้ส่งไปเขตต่อเนื่องจริง และการสำแดงใบขนรหัส YY คือ ส่งไปออกน้ำมันไปนอกราชอาณาจักร แต่ไม่ได้ส่งออกนอกราชอาณาจักรจริง น้ำมันทั้งหมดยังคงนำไปใช้ยังแท่นขุดเจาะที่เอราวัณ ที่อยู่ในราชอาณาจักรเช่นเดิม พฤติกรรมของบริษัท เชฟรอน (ไทย) จำกัด ดังกล่าว จะสามารถวินิจฉัยได้หรือไม่ว่า เป็นการส่อว่ามีเจตนาอำพราง เพื่อเป็นการฉ้อภาษีของรัฐ ตาม พ.ร.บ. ศุลกากร 2469 มาตรา 99 ว่าด้วยการสำแดงเอกสารใบขนอันเป็นเท็จ ซึ่งเป็นการกระทำที่ผู้กระทำมีความผิด ระวางโทษจำคุกไม่เกิน 6 เดือน หรือปรับไม่เกิน 5 แสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และยังมีความผิดตาม มาตรา 27 ว่าด้วยการหลีกเลี่ยง หรือพยายามหลีกเลี่ยงการเสียภาษีศุลกากรโดยเจตนาจะฉ้อภาษีของรัฐบาล สำหรับความผิดครั้งหนึ่งๆ ให้ปรับเป็นเงิน 4 เท่าของราคาของ ซึ่งได้รวมอากรเข้าด้วยแล้ว หรือจำคุกไม่เกิน 10 ปี หรือทั้งจำทั้งปรับ 

--> ยิ่งคิดก็ยิ่งผิด คุณป้าเนี่ย หลักฐานมันก็บอกอยู่แล้วว่าบริษัทฯเขาทำตามที่ข้าราชการสั่งให้ทำ มันจะมีเจตนาอำพรางไปได้ยังไง อคติแท้ๆ

#7 บริษัท เชฟรอน (ไทย) จำกัด อาจจะอ้างว่าทำตามการตอบข้อหารือจากกรมศุลกากร แต่จากคำวินิจฉัยของคณะกรรมการกฤษฎีกาประกอบ พ.ร.บ. ศุลกากร ฉบับที่ 9 ประกาศใช้ปี 2482 มาตรา 16 ที่บัญญัติไว้ชัดเจนว่า การกระทำที่บัญญัติไว้ใน มาตรา 27 และมาตรา 99 นั้น ให้ถือว่าเป็นความผิดโดยมิพักต้องคำนึงว่าผู้กระทำมีเจตนา หรือกระทำโดยประมาทเลินเล่อ ดังนั้น เชฟรอนจึงไม่สามารถแก้ตัวว่าไม่มีเจตนากระทำความผิด ทั้งไม่สามารถอ้างได้ว่าเพราะทำตามคำตอบข้อหารือของฝ่ายกฎหมายในกรมศุลกากร อันไม่ชอบด้วยกฎหมาย และยังมีโทษต่อเนื่องตามมาด้วย มาตรา 17 ที่ระบุว่า ของใดๆ อันเนื่องด้วยความผิดตามมาตรา 27 ประกอบมาตรา16 ท่านให้ริบเสียสิ้นโดยมิพักต้องคำนึงว่า บุคคลผู้ใดจะต้องรับโทษหรือไม่ 

--> เอาล่ะ ที่ป้าบอกว่า จะอ้างว่าไมรู้กฏหมายไม่ได้ อันนี้ป้าเขียนก็ถูก (นานๆมีถูกทีนึง) แต่บริษัทเขาก็ดีนะ ทันทีที่กฤษฎีกาฯเขาตีความเสร็จ เขาก็ว่าง้าย ง่าย ก็รีบเอาเงินภาษีไปจ่ายให้ทันทีเลย ไม่ได้อิดออดอิดเอื้อน หนังสือพิมพ์ก็ลงปาวๆ ว่าเขามาจ่ายแล้วนะ ใครๆ ก็รู้ มีแต่ป้าละมั้งที่แกล้งทำเป็นไม่รู้

#8 นอกจากนี้ บริษัท เชฟรอนสำรวจและผลิต จำกัด ที่ซื้อน้ำมันต่อจากบริษัท เชฟรอน (ไทย) จำกัด ก็จะมีความผิดตาม มาตรา 27ทวิ ที่บัญญัติว่าผู้ซื้อหรือรับของที่ตนรู้ว่าเป็นของที่ยังมิได้เสียภาษี มีความผิดระวางโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี หรือปรับเป็นเงิน 4 เท่าราคาของซึ่งได้รวมค่าอากรเข้าด้วยแล้ว หรือทั้งจำทั้งปรับ และมีความผิดตามมาตรา 31 ที่ระบุว่า ของที่ต้องเสียภาษีผู้ใดนำลง หรือนำออกจากเรือลำใดในทะเล (ลงที่แท่นขุดเจาะ) ซึ่งอาจเป็นทางแก่การฉ้อประโยชน์รายได้ของแผ่นดิน ผู้นั้นมีความผิดต้องระวางโทษตามที่บัญญัติไว้ใน มาตรา 27 เพราะเป็นการฉ้อค่าภาษีของรัฐ ซึ่งโทษสำหรับความผิดครั้งหนึ่งๆ ให้ปรับเป็นเงินสี่เท่าของราคาของซึ่งได้รวมค่าอากรเข้าด้วยแล้ว หรือให้จำคุกไม่เกิน 10 ปี หรือทั้งปรับทั้งจำ 

--> ป้าก็เกินไป คนที่ทำผิดแบบที่ไม่ได้ตั้งใจ แต่ทำตามที่ราชการเขาสั่งให้ทำ กลับคิดจะปรับคิดจะเล่นงานเขาแบบเต็มเหนี่ยว ทำผิดเท่าสลึงจะเอากันให้ตาย ขอให้ผู้อ่านและเราๆท่านๆโชคดี อย่าตกอยู่ใต้อำนาจของป้าเขาเชียวนะ 

#9 คดีความที่ต้องจัดการของบริษัท เชฟรอน ทั้ง 2 บริษัท จึงไม่ใช่เพียงการเรียกคืนภาษีสรรพสามิต ภาษีมูลค่าเพิ่ม และกองทุนน้ำมันในมูลค่าประมาณ 3,000 ล้านบาทเท่านั้น แต่ยังมีเงินระงับคดีที่เชฟรอน นำน้ำมันเถื่อนมาใช้อีก 48 ล้านบาท ที่ต้องปิดคดีส่งเป็นรายได้แผ่นดินโดยเร็ว นอกจากนี้ ยังอาจกล่าวได้หรือไม่ว่า เชฟรอน น่าจะมีความผิดอีกหลายมาตรา ตาม พ.ร.บ.ศุลกากร 2469 ประกอบการเพิ่มเติมแก้ไขฉบับที่ 9 พ.ศ. 2482 ซึ่งเป็นความผิดที่สำเร็จเสร็จสิ้นไปหมดแล้ว อยู่ที่ผู้ตรวจสอบจะดำเนินการเอาผิดอย่างจริงจังโดยไม่ลูบหน้าปะจมูกหรือไม่ หรือจะช่วยเหลือกันดังที่มีข่าวแว่วมาว่า ผู้บริหารในกรมศุลกากร และกระทรวงการคลัง เปรยดังๆ ว่า คดีนี้คงไม่ต้องเอาผิดย้อนหลัง ใช่หรือไม่ ? แต่ถ้าจะมีการช่วยกันดังว่า รัฐบาลก็ต้องตอบคำถามสังคม และผู้บริหารที่เกี่ยวข้อง ก็ต้องระวังมาตรา 157 ให้ดี 

--> สงสารข้าราชการเขานะ จะทำเรื่องที่ถูก ก็กลัวอิทธิฤทธิ์ของป้า จะทำตามใจป้า ก็รู้แก่ใจว่ามันไม่ถูกต้อง นี่เป็นเพราะป้า หรือเป็นเพราะพวกเราเองกันแน่นะ ที่ให้ความสำคัญกับคำพูดป้าๆของแกแบบนี้ อนิจจา

จบแล้วมหากาพย์ชำแหละโพสต์รสนา ยาวแต่ครบถ้วนกระบวนความน้า หวังว่าเราจะเข้าใจตรงกันแล้วนะค๊าาาา